X

ยอดขายเก๋ง EV ก.ค. 2567 วิ่งสวนตลาด ยอดส่งออก HEV 7 เดือนโตพรวด 490%

Last updated: 28 ส.ค. 2567  |  193 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ยอดขายเก๋ง EV ก.ค. 2567 วิ่งสวนตลาด

ตลาดรถยนต์ EV โตต่อเนื่อง ยอดขายเก๋ง EV ก.ค. 2567 วิ่งสวนตลาด เก๋ง BEV กวาดยอดขาย 6,835 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 54% ขณะที่ HEV ขายได้ 8,904 คัน เพิ่มขึ้น 41% ส่วนเก๋งสันดาปภายในอยู่ในช่วงขาลง ยอดขายลดเฉียด 40% มัดรวม BEV+PHEV+HEV กินส่วนแบ่งตลาดเก๋ง ก.ค. 2567 ถึง 75%!

  • ยอดขายเก๋ง EV 7 เดือนแรก ตั้งแต่ มกราคม - กรกฎาคม 2567 BEV ขายได้ 40,343 คัน เพิ่มขึ้น 12.75% เก๋ง PHEV ขายได้ 1,363 คัน ลดลง 6.26% HEV คึกคักสุด ขายไป 76,014 คัน เพิ่มขึ้น 65.75%
  • ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนกรกฎาคม 2567 จดทะเบียนใหม่ 8,332 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว 20.68% ยอดจดทะเบียนสะสม 7 เดือน มกราคม - กรกฎาคม 2567 มี 60,243 คัน เพิ่มขึ้น 21.05%
  • เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ส่งออกรถยนต์นั่ง HEV 31,196 คัน มีสัดส่วน 5.18% ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 สูงถึง 490.50%
  • ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 191,414 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 133.82%
  •  ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 426,642 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 37.12%
 

ศก.อ่อนแอฉุดยอดผลิตรถยนต์หดตัว ร้อยละ 16.62 ส่งออกร่วง ร้อยละ 22.70

เมื่อวันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2567 นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนกรกฎาคม 2567 ว่ายอดผลิตรถยนต์ 124,829 คัน ลดลงร้อยละ 16.62 ขาย 46,394 คัน ลดลงร้อยละ 20.58 ส่งออก 83,527 คัน ลดลงร้อยละ 22.70 ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 552 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18,300 ขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 6,835 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.01

ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนกรกฎาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 46,394 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2567 ร้อยละ 2.66 และลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 20.58 เพราะการเข้มงวดในการให้สินเชื่อ โดยเฉพาะรถกระบะและรถบรรทุก จากความกังวลเรื่องหนี้ครัวเรือนที่สูงถึงร้อยละ 91 ของ GDP ของประเทศและเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำในอัตราร้อยละ 1.5 ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 จากการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ล่าช้า
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 27,736 คัน เท่ากับร้อยละ 59.78 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 7.03

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 11,837 คัน เท่ากับร้อยละ 25.51 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 37.57
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 6,835 คัน เท่ากับร้อยละ 14.73 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 54.01
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 160 คัน เท่ากับร้อยละ 0.34 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 20.30
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 8,904 คัน เท่ากับร้อยละ 19.19 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 41.29


ตั้งแต่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 รถยนต์มียอดขาย 354,421 คัน ลดลงจากปี 2566 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 23.71 แยกเป็น
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 212,217 คันเท่ากับร้อยละ 59.88 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 8.58

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 94,497 คัน เท่ากับร้อยละ 26.66 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 36.59
  • รถยนต์นั่งแหละรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 40,343 คัน เท่ากับร้อยละ 11.38 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 12.75
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 1,363 คัน เท่ากับร้อยละ 0.38 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.26
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 76,014 คัน เท่ากับร้อยละ 21.45 ของยอดขายรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 65.75

การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 

เดือนกรกฎาคม 2567 ส่งออกได้ 83,527 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้วร้อยละ 6.22 และลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2566 ร้อยละ 22.70 เพราะปัญหาการขนส่งไปตะวันออกกลางและยุโรปจากสงครามอิสราเอลกับฮามาส จึงส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกากลางและอเมริกาใต้ แบ่งเป็น

  • รถกระบะ 45,439 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 54.40 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 24.68
  • รถยนต์นั่ง ICE 26,288 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 31.47 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 22.65
  • รถยนต์นั่ง HEV 3,684 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 4.41 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 405.35
  • รถ PPV 8,116 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 9.72 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ  37.59

เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 602,567 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 5.39 แบ่งเป็น

  • รถกระบะ ICE 346,939 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 57.58 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 7.68
  • รถยนต์นั่ง ICE 146,449 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 24.30 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 21.93
  • รถยนต์นั่ง HEV 31,196 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 5.18 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 490.50
  • รถ PPV 77,983 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 12.94 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ14.36

มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 419,872.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2566 ร้อยละ 5.82


ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนกรกฎาคม 2567 

  • เดือนกรกฎาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 8,332 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 20.68
  • เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 60,243 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 21.05

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนกรกฎาคม 2567 

  • เดือนกรกฎาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 11,888 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 99.80
  • เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน  83,794 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 60.86

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนกรกฎาคม 2567 
  • เดือนกรกฎาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 826 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 15.46
  • เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน  5,722 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - กรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 21.06

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567


ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 191,414 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 133.82% โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้

  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 132,735 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 163.21
  • รถยนต์นั่งมีจำนวน 130,434 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 160.82
  • รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนมีจำนวน 1,821 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 504.98
  • รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 71 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 273.68
  • รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 119 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 373.33
  • รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 3 คัน ซึ่งในช่วงเดียวกันไม่มีการจดทะเบียน
  • รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 287 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 241.67
  • รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 537 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 336.59
  • รถยนต์ 3 ล้อมีจำนวนทั้งสิ้น 978 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 39.91
  • รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลมีจำนวน 104 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 40.54
  • รถยนต์รับจ้างสามล้อมีจำนวน 874 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 39.84
  •  
  • รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 53,953 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 92.40
  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 53,819 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 92.76
  • รถจักรยานยนต์สาธารณะมีจำนวน 134 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 9.84
  • อื่นๆ 
  • รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2,644 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 13.09
  • รถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 567 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 144.40
 
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567


ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 426,642 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 37.12 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
  • รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 417,389 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 38.19
  • รถยนต์นั่งมีจำนวน 416,456 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 38.21
  • รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 492 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 2.50
  • รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 70 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 79.49
  • รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 193 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 77.06
  • รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 66.67
  • รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 173 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 110.98
  • รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 
  • รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 9,250 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 1.58
  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 9,250 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 1.58
  • อื่นๆ 
  • รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2566
 
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567


ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 59,587 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 20.17 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้

  • รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 59,587 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 20.17
  • รถยนต์นั่งมีจำนวน 59,518 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 20.18
  • รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 41 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 5.13
  • รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 20 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 25
  • รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 3 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2566
  • รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 5 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 25

อ่านข้อมูลฉบับเต็มที่ : https://www.fti.or.th/News/details?id=281



ที่มา : สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้