Last updated: 13 พ.ค. 2567 | 641 จำนวนผู้เข้าชม |
เอ็มจี ตอกย้ำความพร้อมโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้า NEW MG4 ELECTRIC และโรงงานแบตเตอรี่อีวี มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางผลิตและส่งออกรถ EV ทั่วภูมิภาคอาเซียน ด้วยงบลงทุนกว่า 30,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 437.5 ไร่ มีการจ้างงานบุคลากรกว่าพันคน และเป็นคนไทย 98%
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เปิดเผยความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่โรงงานผลิตรถยนต์แบบครบวงจร ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 2 (WHA ESIE 2) จังหวัดชลบุรี ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 437.5 ไร่ โดยพื้นที่กว่า 300 ไร่ ใช้เป็นส่วนของโรงประกอบตัวถัง (Body Shop) โรงพ่นสีรถยนต์ (Paint Shop) โรงประกอบรถ (General Assembly Shop) ทั้งยังครอบคลุมในส่วนของคลังจัดเก็บอะไหล่เพื่อรองรับรถยนต์ของเอ็มจีทุกรุ่น
ล่าสุด เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา เอ็มจี ได้ลงทุนครั้งใหญ่ในการพัฒนาพื้นที่ในส่วนที่เหลืออีกกว่า137.5 ไร่ ให้เป็นส่วนของ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK รองรับการเติบโตของรถอีวี และเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ในส่วนพัฒนาใหม่นี้ ประกอบด้วย โรงประกอบแบตเตอรี่อีวี และพื้นที่สำหรับพัฒนาชิ้นส่วน เพื่อการประกอบรถยนต์เอ็มจีร่วมกับพาร์ตเนอร์บริษัทชั้นนำ ทำให้แบรนด์ เอ็มจี เป็นแบรนด์ที่สามารถผลิตและประกอบรถยนต์ได้ครบทุกรูปแบบการขับเคลื่อนจากฐานการผลิตภายในประเทศ กับกำลังการผลิตสูงสุด 100,000 คันต่อปี
ขณะนี้การพัฒนาบนพื้นที่ของ ENERGY INDUSTRIAL PARK ได้มีการเปิดใช้งานอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ด้วยงบลงทุนกว่า 30,000 ล้านบาท สามารถผลิตได้ทั้งรถยนต์สันดาปภายใน รถยนต์พลังงานทางเลือก และรถยนต์ไฟฟ้า NEW MG4 ELECTRIC ที่มาพร้อมโรงงานแบตเตอรี่อีวี HASCO-CP BATTERY SHOP สามารถประกอบแบตเตอรี่ Cell-To-Pack ได้สูงสุดมากกว่า 50,000 แพ็คต่อปี และมีพาร์ตเนอร์บริษัทชั้นนำร่วมเข้ามาอยู่ในพื้นที่สำหรับพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ เอ็มจี สามารถกระจายรายได้สู่ภาคประชาชนด้วยการจ้างงานคนไทยคิดเป็นสัดส่วนกว่า 98%
นายสุโรจน์ แสงสนิท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด กล่าวว่า “โรงงานการผลิตและประกอบรถยนต์ เอ็มจี เป็นโรงงานที่มีการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี อาทิ นวัตกรรมระบบอัตโนมัติ (Automations) หุ่นยนต์อัจฉริยะ (Intelligent Robotics) เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก เพิ่มประสิทธิภาพ และความแม่นยำในไลน์การผลิต ผนวกกับทักษะความเชี่ยวชาญและความชำนาญของบุคลากรในกระบวนการผลิต ทำให้มีข้อได้เปรียบในกระบวนการผลิตที่สามารถรองรับการผลิตรถยนต์ ทุกรูปแบบการขับเคลื่อน
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา เอ็มจี ได้ลงทุนเพิ่มและเริ่มเดินสายการผลิตรถอีวีภายในประเทศ โดยเป็นไปตามแผนงานการลงทุนของบริษัทแม่อย่าง SAIC Motor Corporation และสอดรับกับนโยบายอีวีของภาครัฐ ประเดิมการผลิตรถอีวีรุ่นแรกด้วย NEW MG4 ELECTRIC ซึ่งเป็นโกลบอลอีวีรุ่นยอดนิยมที่มียอดขายสะสมทั่วโลกมากกว่า 180,000 คัน ในปัจจุบัน โดยสายการผลิตที่ประเทศไทยประกอบด้วย NEW MG4 ELECTRIC รุ่น STANDARD RANGE และ รุ่น LONG RANGE ซึ่งได้เริ่มเดินสายการผลิตตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 และได้ส่งมอบสู่ลูกค้าในช่วงเมษายนที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในฐานะแบรนด์ ผู้บุกเบิกตลาดอีวี เอ็มจี ไม่ได้ให้ความสำคัญแต่เพียงตัวรถอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ยังขยายความแข็งแกร่งของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับการใช้งานรถอีวีในทุกมิติ ได้มีการลงทุนโรงงานแบตเตอรี่อีวี HASCO-CP BATTERY SHOP ถือเป็นโรงงานแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน แบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ ส่วนการประกอบแบตเตอรี่ ประกอบด้วยสายการผลิตอัตโนมัติที่ทันสมัยอย่างการนำหุ่นยนต์ (Robotic) เข้ามาช่วยในการผลิตเพื่อให้ได้มาตรฐานที่แม่นยำ ด้วยเทคโนโลยี AGV (Automated Guided Vehicle) ที่ใช้ในการกำหนดการเคลื่อนที่ของชิ้นงานตามเส้นทางรวมถึงระยะเวลา เพื่อให้การทำงานได้คุณภาพการผลิตที่แม่นยำ การเชื่อมโดยเลเซอร์ (Laser Welding) เพื่อให้ได้คุณภาพการเชื่อมที่ดี การตรวจสอบด้วย CCD (Charge Coupled Device) เพื่อความแม่นยำในการตรวจสอบเทียบกับต้นแบบในทุกขั้นตอนก่อนนำไปประกอบใส่ในตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%
ส่วนที่สอง คือ ส่วนการทดสอบมาตรฐานของแบตเตอรี่กว่า 60 ขั้นตอน ซึ่งได้รับรองคุณภาพและการตรวจสอบภายใต้ มาตรฐานยุโรป และเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันกับสายการผลิตระดับโลก โรงงานแห่งนี้ สามารถประกอบแบตเตอรี่ Cell-To-Pack ได้สูงสุดมากกว่า 50,000 แพ็คต่อปี และนำแบตเตอรี่มาใช้ในการประกอบรถ NEW MG4 ELECTRIC เป็นที่เรียบร้อย”
นายสุโรจน์ กล่าวต่อไปว่า “เอ็มจี มีส่วนสำคัญในการพัฒนาบุคลากรเชิงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการจ้างงานภายในประเทศ มีอัตราการจ้างงานบุคลากรในหลายๆ ส่วน คิดเป็นสัดส่วนบุคลากรคนไทยในบริษัทฯ มากกว่า 98% มีบุคลากรทั้งสิ้นมากกว่า 1,000 คน ทั้งนี้ การพัฒนาพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK เอ็มจี ได้พัฒนาโครงการดังกล่าวขึ้นมาเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย โดยเฉพาะการเติบโตของรถอีวีในอนาคต
ภายในพื้นที่แห่งนี้ ยังมีส่วนของพื้นที่สำหรับพัฒนาชิ้นส่วนในการประกอบรถยนต์เอ็มจีร่วมกับพาร์ตเนอร์บริษัทชั้นนำ เพื่อจะเติมเต็มความครบวงจรและความสมบูรณ์แบบของกระบวนการผลิต ซึ่งล่าสุดได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และเปิดใช้พื้นที่ทั้งหมดอย่างเต็มรูปแบบแล้ว”
ทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และความตั้งใจอย่างแท้จริงของ เอ็มจี ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยด้วยเป้าหมายใหญ่เชิงมหภาคในการลงทุนระยะยาว เพื่อร่วมเดินหน้าผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งอุตสาหกรรมหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และบรรลุเป้าหมายของการเป็น “ศูนย์กลาง” การผลิตรถยนต์และรถอีวีพวงมาลัยขวา เพื่อจัดจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียนและประเทศชั้นนำทั่วโลก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของ เอ็มจีได้ที่ Website: www.mgcars.com
ที่มา : เวิรฟ