Last updated: 26 ก.พ. 2568 | 638 จำนวนผู้เข้าชม |
บีโอไอเผยผลสำเร็จการเยือนญี่ปุ่น นำโดยรองนายกฯ พิชัย ตอกย้ำเชื่อมั่นศักยภาพไทย รุกเจรจาแผนการลงทุนกับผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์สมัยใหม่ อาหารและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมจับมือกระทรวง METI ผนึกกำลังสนับสนุนบริษัทญี่ปุ่นในไทย ให้แข่งขันและเติบโตได้ ในโลกยุคใหม่ที่มีการแข่งขันสูง เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เผยอีซูซุ คอนเฟิร์มเริ่มผลิตกระบะ BEV ส่งออกนอร์เวย์ พัฒนารถพาณิชย์ใช้ระบบสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ และพัฒนารถ e-fuel ในปีนี้ ส่วนมิตซูบิชิ มีแผนเปิดตัวรถ HEV รุ่นใหม่ และผลิตรถขนส่งขนาดเล็ก BEV ช่วงครึ่งหลังของปีนี้
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยผลการเยือนประเทศญี่ปุ่น นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระหว่างวันที่ 19 – 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยบีโอไอได้ผนึกกำลังกับธนาคาร SMBC และพันธมิตรภาคธุรกิจญี่ปุ่น จัดงานสัมมนาใหญ่ “Thailand - Japan Investment Forum 2025” ณ โรงแรมอิมพีเรียล กรุงโตเกียว เพื่อแสดงศักยภาพและความพร้อมของไทยในการรองรับคลื่นการลงทุนลูกใหม่จากญี่ปุ่น
การจัดสัมมนาครั้งนี้มีบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นเข้าร่วมงานอย่างคับคั่งกว่า 400 ราย ส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกล ปิโตรเคมี พลาสติก อาหารแปรรูป รวมทั้งกลุ่มธุรกิจบริการ เช่น สถาบันการเงิน ธุรกิจดิจิทัล การค้า และโลจิสติกส์ แสดงถึงการให้ความสำคัญและความสนใจอย่างมากของนักลงทุนญี่ปุ่นที่มีต่อประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นที่ต้องการกระจายฐานการผลิตบางส่วนออกจากจีน เพื่อบริหารจัดการซัพพลายเชน และลดความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา
ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี (นายพิชัย ชุณหวชิร) ได้กล่าวถึงความพร้อมของไทยและแนวทางการพัฒนาประเทศให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ ผ่านการพัฒนา 4 ปัจจัยคือ (1) การพัฒนาทุนมนุษย์ (2) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งด้านการขนส่ง ดิจิทัล ระบบน้ำและพลังงาน (3) การพัฒนานวัตกรรมด้านต่าง ๆ และ (4) การสนับสนุนจากภาครัฐ ทั้งด้านนโยบาย กฎระเบียบ และการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการประกอบธุรกิจ พร้อมทั้งเชิญชวนนักธุรกิจญี่ปุ่นให้เข้ามาลงทุนในสาขาอุตสาหกรรมที่ทันสมัยที่จะช่วยเพิ่มมูลค่า และสาขาเกษตรที่เป็นภาคการผลิตหลักของไทย โดยไทยสามารถเป็นได้ทั้งตลาด ฐานการผลิต ฐานการวิจัยและพัฒนา และมีศักยภาพที่จะเติมเต็ม supply chain ของธุรกิจญี่ปุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้นำเสนอมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ สิทธิประโยชน์ และโอกาสการลงทุนในไทย โดยเฉพาะ 5 สาขาสำคัญที่จะเป็นฐานอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ได้แก่ อุตสาหกรรม BCG ยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล และกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ โดยอุตสาหกรรมยานยนต์ที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนญี่ปุ่น บีโอไอได้ชี้แจงมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาแล้ว เช่น มาตรการยกระดับเทคโนโลยีการผลิตของกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน มาตรการส่งเสริมการร่วมทุนระหว่างไทยและต่างชาติ มาตรการส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ และมาตรการสนับสนุนผู้ผลิตรถยนต์ไฮบริด รวมทั้งการสนับสนุนด้านพลังงานสะอาด และการพัฒนาบุคลากร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของอุตสาหกรรมยุคใหม่ นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหารของบริษัทญี่ปุ่น ได้แก่ ธนาคาร SMBC บริษัท Mitsubishi และ Fujikura ร่วมบรรยายแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความสำเร็จของการลงทุนในไทย รวมทั้งชี้โอกาสธุรกิจใหม่ ๆ ในไทยภายใต้ Trump 2.0 ด้วย
นอกจากงานสัมมนาแล้ว รองนายกรัฐมนตรี เลขาธิการบีโอไอ และเอกอัครราชทูตไทยประจำญี่ปุ่น ยังได้หารือและเจรจาแผนการลงทุนเป็นรายบริษัทกับนักลงทุนญี่ปุ่น ใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่
นอกจากนี้ คณะยังได้พบกับ นายมูโตะ โยจิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (METI)รวมทั้งประธานองค์กรส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) โดยทั้งสองฝ่าย ได้เห็นชอบที่จะผนึกกำลังรัฐบาลไทย - ญี่ปุ่น ผ่านกลไกความร่วมมือด้านพลังงานและอุตสาหกรรม (Energy and Industry Dialogue: EID) เพื่อร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้อง การพัฒนาพลังงานใหม่ เช่น น้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF) เชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) และไฮโดรเจน การส่งเสริม SMEs และ Startup จากญี่ปุ่น รวมทั้งการสนับสนุนบริษัทญี่ปุ่นในไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน และสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
“การเดินทางเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างดี นอกจากมีผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนากว่า 400 คนแล้ว ทุกบริษัทที่ได้พบยังมีแผนขยายการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยญี่ปุ่นยังให้ความสำคัญกับประเทศไทย ในการเป็นฐานการผลิตหลักของภูมิภาค และมองว่าไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก มีความเสี่ยงทาง ภูมิรัฐศาสตร์ต่ำ มีซัพพลายเชนที่เข้มแข็ง และมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับการลงทุนที่ดี การพบกันระหว่างท่านรองนายกฯ พิชัย กับรัฐมนตรี METI ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนญี่ปุ่น ในการที่รัฐบาลทั้งสองประเทศจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อสนับสนุนนักลงทุนญี่ปุ่นในไทย ให้สามารถแข่งขันได้และเติบโต อย่างยั่งยืนในโลกยุคใหม่ที่มีการแข่งขันสูงและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” นายนฤตม์ กล่าว
ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
27 มี.ค. 2568