X

Honda e:N1 ค่าตัว 1,199,000 บาท คุ้มไหม?

Last updated: 1 เม.ย 2568  |  399 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ฮอนด้า ประเทศไทย เปิดขาย Honda e:N1 ขุมพลังไฟฟ้า 100%

ฮอนด้า ประเทศไทย เปิดขาย Honda e:N1 ขุมพลังไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของฮอนด้าในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับไลน์อัปยนตรกรรม xEV มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้าแรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร วิ่งได้ระยะทาง 500 กม./ชาร์จ เคาะราคา 1,199,000 บาทสำหรับสีดำคริสตัล (มุก) ส่วนสีขาวแพลทินัม (มุก) ราคา 1,203,000 บาท รับประกันแบตเตอรี่ EV และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าทั้งระบบ 8 ปี หรือ 160,000 กม.

  • โปรโมชั่นช่วงมอเตอร์โชว์ : ดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.69% แถมประกันภัย 1 ปี รับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ 5 ปี หรือ 140,000 กม. บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม. แถม Home Charger พร้อมบริการติดตั้ง และสายชาร์จแบบพกพา เมื่อจองระหว่าง 24 มี.ค. 2568 – 31 ก.ค. 2568 และรับรถช่วง 1 มิ.ย. 2568 – 31 ก.ค. 2568


ฮอนด้า อี:เอ็นวัน พัฒนาภายใต้แนวคิดการออกแบบที่คำนึงถึงผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง (Human-centered Development) โดยมุ่งเน้นการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน มาพร้อมแพลตฟอร์ม e:N Architecture F แพลตฟอร์มที่รองรับการขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าที่มีประสิทธิภาพสูง ขุมพลังไฟฟ้าตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจจากการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3-in-1 (Motor, Power Drive Unit และ Gearbox) ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า (PS) สมรรถนะแรงเร้าใจ ให้แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ที่ผสานการทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 68.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 500 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ทำงานกับระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบสวิตช์ที่ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เพียงการกดปุ่มที่แผงเกียร์ที่บริเวณคอนโซลกลาง

Premium Electric SUV คันนี้โดดเด่นด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ บ่งบอกความเป็นยนตรกรรมไฟฟ้าด้วยโลโก้ H Mark ใหม่ สไตล์พรีเมียมมินิมอล ที่มาพร้อมกับคำว่า Honda ภายใต้ฟอนต์ใหม่ที่ด้านหลังของตัวรถ ห้องโดยสารกว้างสะดวกสบายพร้อมไฟสร้างบรรยากาศภายในสีฟ้า ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายในแบบยนตรกรรมเอสยูวี สามารถเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้ายด้วยการพับเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังแบบ 60:40


สามารถเชื่อมต่อไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายเข้าด้วยกันผ่านฟังก์ชันและเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่ใช้งานง่าย เช่น ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้วแบบ Advanced Touch ที่รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto ช่องเชื่อมต่อ USB 4 ตำแหน่ง อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) อีกทั้งเทคโนโลยีการขับขี่และความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Information – BSI) ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor – CTM) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) เซนเซอร์กะระยะ 8 จุด (8-position Parking Sensors) ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold

สีภายนอก มี 2 สี คือ สีขาวแพลทินัม (มุก) และ สีดำคริสตัล (มุก)

การออกแบบภายนอก

Honda e:N1 ได้รับการออกแบบให้มีดีไซน์ที่พรีเมียม มีเอกลักษณ์เฉพาะที่สะท้อนความเป็นยนตรกรรม
เอสยูวี ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่เรียบหรูที่เชื่อมต่อกับไฟหน้าพร้อมจุดชาร์จแบตเตอรี่ และเส้นสาย LED แสดงสถานะขณะกำลังชาร์จไฟในรูปแบบเฉพาะตัว ตอบรับกับการใช้เส้นสายในแนวนอนที่ยาวต่อเนื่องจากไฟหน้าไปจนถึงไฟท้าย


กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ สะท้อนความเป็นยนตรกรรมไฟฟ้า

ช่องชาร์จแบตเตอรี่ด้านหน้าพร้อมไฟแสดงสถานะการชาร์จ ทำให้รู้สถานการณ์ชาร์จได้ง่ายและรวดเร็ว โลโก้ H Mark ใหม่ สไตล์พรีเมียมมินิมอล ที่จะเป็นสัญลักษณ์ของยนตรกรรมไฟฟ้าของฮอนด้า ที่มาพร้อมกับคำว่า Honda ภายใต้ฟอนต์ใหม่ที่ด้านหลังของตัวรถ

  • ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
  • ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
  • ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential
  • ไฟท้ายแบบ LED Light Strip สี Smoke แบบเต็มความยาวที่เชื่อมต่อกับไฟท้ายทั้งสองข้าง
  • ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบอัตโนมัติ และระบบปัดน้ำฝนด้านหลังแบบหน่วงเวลา
  • สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต
  • เสาอากาศครีบฉลาม
  • ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED
  • กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมพับเก็บอัตโนมัติ
  • กระจกมองข้างด้านซ้ายปรับลดอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง
  • ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 18 นิ้ว


 
ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบเพื่อเน้นความสะดวกสบายด้วยการใช้วัสดุคุณภาพสูง ออกแบบด้วยแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ทำให้บรรยากาศภายในห้องโดยสารผ่อนคลายจากการจัดวางแสงที่นุ่มนวลพร้อมพื้นที่กว้างขวางสะดวกสบาย ยกระดับประสบการณ์ภายในห้องโดยสารด้วยไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารสีฟ้า (Blue Ambient Light) คอนโซลกลางได้รับการออกแบบใหม่ โดดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.1 นิ้ว และมาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว การจัดวางปุ่มเกียร์ที่เรียบง่ายเข้ากับสวิตช์เบรกมือไฟฟ้า ฟังก์ชันในการขับขี่ต่าง ๆ จัดวางอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องละสายตาจากการขับขี่ สะดวกสบายทุกการเดินทางในทุกที่นั่ง ด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา ที่มาพร้อมระบบ Air Diffusion System มอบทิศทางลมที่หมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ กระจายลมได้อย่างเหมาะสม ทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร พร้อมด้วยช่องปรับอากาศตอนหลัง  

เบาะหนังดีไซน์สปอร์ตสีดำตกแต่งด้วยขอบสีขาวและด้ายสีฟ้า พร้อมปรับผังที่นั่งใหม่ให้รองรับสรีระและการบุนุ่มเพื่อรองรับส่วนที่สัมผัสบ่อย เบาะผู้โดยสารด้านหลังสามารถแยกพับแบบ 60:40 สามารถปรับเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้สูงสุด โดยสามารถปรับเปลี่ยนได้ 2 รูปแบบ ได้แก่


Utility Mode : เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง

Long Mode : เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว

 
เชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย

ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ใช้งานได้ง่ายด้วยการจัดวางเมนูแบ่งเป็นสัดส่วน 3 โซนบนหน้าจอ ที่สามารถเลือกใช้ได้สะดวก รวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียสมาธิในการขับขี่

โซนบน เป็นโซน ‘Connect’ ที่รวม ระบบการนำทาง นาฬิกา และจอแสดงผลของกล้องมองหลัง

โซนกลาง เป็นโซน ‘Driver Assist’ หรือระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ที่จะแสดงสถานะการทำงานของรถยนต์ การตั้งค่าระบบเสียงและการสื่อสาร พร้อมด้วยเมนูการแสดงการทำงานของระบบ EV

โซนล่าง จะเป็นโซนควบคุมระบบปรับอากาศ ที่แสดงข้อมูลการปรับอากาศภายในห้องโดยสาร

  • ช่องเชื่อมต่อ USB จำนวน 4 ช่อง ด้านหน้า 2 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง (USB-A 1 ช่อง ในช่องหน้า และUSB-C ในช่องหน้า 1 ช่อง และช่องหลัง 2 ช่อง)
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา
  • แผ่นกรองอากาศกรองฝุ่น PM 2.5
  • ระบบสตาร์ทรถยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Climate Pre-conditioning)
  • พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ และปุ่มควบคุมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING
  • กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ
  • อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
  • ลำโพง 6 ตำแหน่ง
  • ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารสีฟ้า
  • เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง  
  • ช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง
  • แผ่นกั้นห้องสัมภาระท้าย


จุดชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้าอยู่บริเวณกระจังหน้าของตัวรถ ใต้โลโก้ H Mark จะมีปุ่มสีดำด้านหน้าเพื่อกดเปิดจุดชาร์จ สามารถรองรับหัวชาร์จ แบบ DC CCS 2 และแบบ AC Type 2 มาพร้อมไฟสีต่าง ๆ แสดงสถานะการชาร์จ โดยขณะกำลังชาร์จไฟ แถบไฟแนวนอนจะกะพริบเบา ๆ จากซ้ายไปขวาอย่างมีชีวิตชีวา และเมื่อชาร์จเสร็จ แถบชาร์จจะสว่างอยู่ตลอดเพื่อให้รู้ว่า แบตเตอรี่ชาร์จเต็มแล้ว นอกจากนี้ หากเกิดข้อผิดพลาดในการชาร์จจะมีไฟสีแดงกะพริบ เมื่อชาร์จเสร็จและถอดสายไฟออก รถจะส่งสัญญาณไฟกะพริบเพื่อแสดงสถานะว่าได้ถอดสายชาร์จออกแล้ว


มาพร้อมฟังก์ชั่น Charging Status สามารถติดตามสถานะ หรือปรับตั้งค่าการชาร์จแบตเตอรี่ของ Honda e:N1 ได้ โดยสามารถปรับตั้งค่าให้เข้ากับสภาพการชาร์จต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการชาร์จที่ ‘บ้าน’ หรือการชาร์จไฟเมื่อตนเอง ‘ไม่อยู่’ ใกล้รถ โดยมี 3 ระดับให้เลือก ตั้งแต่ 'LOW' ซึ่งจํากัดกำลังไฟฟ้าไว้ที่ 6 แอมป์ ไปจนถึง 'HIGH' ที่รองรับกระแสไฟสูงสุดจากเครื่องชาร์จได้เท่ากับกำลังสูงสุดที่แบตเตอรี่จะรับได้  

Honda e:N1 ใหม่ มาพร้อม สวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้อย่างง่ายดาย ตามความต้องการ ซึ่งมีให้เลือก 3 โหมด ได้แก่

โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Mode) ที่ช่วยปรับการทำงานของมอเตอร์ให้พร้อมตอบสนองการเร่ง
ได้ดียิ่งขึ้น มอบประสบการณ์ที่ตื่นเต้นเร้าใจมากขึ้น

โหมดการขับขี่แบบปกติ (Normal Mode) ระบบจะขับเคลื่อนโดยมอบอัตราเร่งที่นุ่มนวลและทรงพลัง
ให้ประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหมาะสมและมอบความสะดวกสบายในห้องโดยสาร

โหมดการขับขี่แบบประหยัด (ECON Mode) พร้อมปรับการทำงานของมอเตอร์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดพลังงานมากขึ้น ตามรูปแบบการขับขี่



นอกจากนี้ Honda e:N1 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ระดับพรีเมียมที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่และทำให้การขับขี่ราบรื่นในทุกเส้นทาง ได้แก่

  • มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.25 นิ้ว
  • ระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบสวิตช์
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) พร้อม ระบบ Auto Brake Hold
  • ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors)
  • ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist - HSA)



เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING)

Honda e:N1 มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ทำงานร่วมกับกล้องมุมกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้

ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)

ระบบจะช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วของรถเมื่อมีรถคันข้างหน้า รถสวนทาง หรือคนเดินถนนอยู่ในระยะ
ที่ไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนองหรือในกรณีที่อยู่ในระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกให้อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)

ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน ทำงานโดยการใช้กล้องมุมกว้างด้านหน้า ในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเสริมแรงที่พวงมาลัยให้รถอยู่ตรงกลางเลน เพื่อลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่

ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)

ระบบจะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร

หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติ ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร

ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ โดยใช้กล้องมุมกว้างด้านหน้า ตรวจจับสภาพแสงบนท้องถนนและรถที่วิ่งบนท้องถนน เช่น ไฟรถสวนทาง ไฟทาง โดยเมื่อขับขี่ในที่มืดไม่มีรถคันหน้า ระบบจะปรับเป็นไฟสูงอัตโนมัติ* ซึ่งจะช่วยมอบทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม และจะปิดไฟสูงเมื่อระบบตรวจจับได้ว่ามีรถยนต์ด้านหน้า หรือรถวิ่งสวนทาง ทำให้ไม่รบกวนผู้ขับขี่บนท้องถนน

หมายเหตุ *ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)

ระบบจะทำหน้าที่ช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ โดยมีการตรวจจับพร้อมปรับความเร็วตามรถคันหน้าได้อย่างอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะห่างที่เหมาะสม นอกจากนี้ หากผู้ขับขี่ใช้ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ โดยระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง ทำให้ช่วยลดความเหนื่อยล้าและเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ โดยจะต้องกดสวิตช์บนพวงมาลัยเพื่อเปิดใช้งาน

ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

ระบบจะใช้​​กล้องมุมกว้างด้านหน้า ตรวจจับรถที่หยุดด้านหน้าในระยะ 10 เมตร เมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ ระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่ออกตัวตามรถคันหน้า

เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอื่นๆ

  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Information - BSI)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor - CTM)
  • เซนเซอร์กะระยะ 8 จุด (หน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด)
  • ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) สามารถล็อกรถอัตโนมัติเมื่อเดินออกห่างจากตัวรถในระยะ 1.5 เมตรขึ้นไป
  • ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลัง
  • ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
  • ระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ (AHA)
  • กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera)
  • จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)
  • ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS) ถุงลมด้านข้าง (Side Airbags) และม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags)
  • ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ช่วยป้องกันล้อล็อกเมื่อเบรกกะทันหัน และระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
  • บนพื้นถนนที่ลื่น
  • ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist - VSA)
  • เสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (AVAS)
  • ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง (TPMS)
  • ชุดซ่อมยางชั่วคราว (TPRK)


ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT)

เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน ประกอบด้วย 9 ฟังก์ชันหลัก ได้แก่

My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ รวมทั้งการประเมินรายการอะไหล่และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น

Car Log ข้อมูลการขับขี่จะประกอบด้วยพฤติกรรมการขับขี่ ที่สามารถแสดงผลเป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปี และบันทึกการเดินทางที่สามารถเลือกทริปโปรดและแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์ อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์เดิม) เป็นต้น

WiFi สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์ โดยจะใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 5 อุปกรณ์ มีระยะการส่งสัญญาณห่างจากตัวรถยนต์อยู่ที่ 40 เมตร โดยต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง

*สามารถสมัครแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเครือข่าย (เอไอเอส) โดยลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

Airbag Deployment เมื่อเกิดอุบัติเหตุและถุงลมทำงาน กล่องอุปกรณ์ TCU จะส่งสัญญาณเตือนให้ทราบทันทีผ่านทางแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้าเพื่อทำการติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ หรือเบอร์โทรฉุกเฉินที่ลูกค้าผู้ใช้งานระบุไว้ในระบบ เพื่อทำการประสานงานให้ความช่วยเหลือขั้นต้น

Car Status แจ้งเตือนสถานะรถยนต์ เมื่อเกิดความผิดปกติจากระบบของรถยนต์ และแจ้งเตือนสัญญาณกันขโมย เมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก เช่น การเปิดประตู กระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้ายของรถยนต์อย่างผิดปกติ

Remote Vehicle Control สามารถสั่งการล็อกและปลดล็อกประตูทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถสั่งสตาร์ทรถยนต์ พร้อมทั้งตั้งค่าระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศในรถยนต์ และการสั่งดับรถยนต์ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสั่งเปิดสัญญาณไฟ ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย โดยผู้ใช้งานจะต้องกำหนดรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลข 4 หลัก (PIN) และจะต้องป้อนรหัสส่วนตัวทุกครั้งก่อนการใช้งาน

Geo Fence & Speed Alert สามารถกำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ และยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนดได้อีกด้วย

Find My Car สามารถตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุด แสดงผลบนแอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสส่วนตัว 4 หลัก (PIN) ก่อนการใช้งาน

รุ่น สี และราคา

Honda e:N1 มีให้เลือก 1 รุ่นย่อย สีดำคริสตัล (มุก) ราคา 1,199,000 บาท และสีขาวแพลทินัม (มุก) ราคา 1,203,000 บาท

ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง

เสริมความสปอร์ตพรีเมียมและอเนกประสงค์ไปอีกขั้น ด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) โดยมีไอเท็ม ทั้งอุปกรณ์ตกแต่ง และ อุปกรณ์เพื่อความอเนกประสงค์ ให้เลือก อาทิ

อุปกรณ์ตกแต่ง : สติกเกอร์ตกแต่งประตูข้างโลโก้ e:N1 ราคา 4,900 บาท ชุดตกแต่งประตูข้าง ราคา
11,000 บาท คิ้วบันไดสเตนเลส LED ราคา 3,900 บาท คิ้วบันไดสเตนเลส ราคา 1,200 บาท คิ้วกันสาด ราคา 2,000 บาท

อุปกรณ์เพื่อความอเนกประสงค์ :  ผ้าคลุมรถดีไซน์พิเศษที่ออกแบบมาสำหรับ Honda e:N1 โดยเฉพาะ สามารถเปิดและพับเก็บบริเวณกระจังหน้าได้ สะดวกต่อการชาร์จไฟโดยไม่ต้องถอดผ้าคลุมทั้งหมด ราคา 2,250 บาท ไฟส่องสว่างที่เท้า ราคา 2,250 บาท กระบะใส่ของท้ายรถ ราคา 1,650 บาท ยางปูพื้น ราคา 1,390 บาท พรมปูพื้น ราคา 1,250 บาท ชุดป้องกันรอยบริเวณมือจับประตูโครเมียม ราคา 1,200 บาท แผงครอบกันรอยขอบห้องสัมภาระ ราคา 1,200 บาท ฟิล์มกันรอยบริเวณฝาช่องชาร์จ ราคา 850 บาท

สนใจชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  https://hondaacces.co.th/products/en1

 

โปรโมชั่น :

Honda e:N1 เอสยูวีไฟฟ้า 100% ดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.69% มาพร้อม

  • ประกันภัย 1 ปี*
  • รับประกันแบตเตอรี่ EV 8 ปี หรือ 160,000 กม.*
  • รับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ 5 ปี หรือ 140,000 กม.*
  • บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม.*
  • Home Charger พร้อมบริการติดตั้ง และสายชาร์จแบบพกพา
  • เมื่อจอง 24 มี.ค. 68 – 31 ก.ค. 68 และรับรถ 1 มิ.ย. 68 – 31 ก.ค. 68
ดูข้อมูลรถเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/4c2S1Mt

ข้อมูลโปรโมชันเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/4hrSEjG

ที่มา ; บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้