เอ็มจี ร่วมกับ กรุงไทยคาร์เร้นท์ ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า NEW MG4 ELECTRIC ให้ ธ.ก.ส. 77 คัน

เอ็มจี ร่วมกับ กรุงไทยคาร์เร้นท์ ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า NEW MG4 ELECTRIC รุ่น LONG RANGE  ให้กับ ธ.ก.ส. จำนวน 77 คัน พร้อมตอกย้ำถึงความสะดวกของสถานีชาร์จ MG SUPER CHARGE ล่าสุดเปิดให้บริการกว่า 148 แห่งทั่วประเทศ

 บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า NEW MG4 ELECTRIC ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยมีมร. จ้าว เฟิง (MR. ZHAO FENG) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด (คนที่ 6 จากขวา) เป็นผู้ส่งมอบให้กับ นางชัญญา ประทุมมาส ประธานกรรมการตรวจรับ  (คนที่ 7 จากซ้าย) พร้อมด้วยคณะกรรมการตรวจรับจาก ธ.ก.ส. เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการสานต่อนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ บรรลุเป้าหมายการพัฒนาสังคมยานยนต์ไฟฟ้าที่ยั่งยืน

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในการส่งมอบรถ ไฟฟ้า NEW MG4 ELECTRIC ในครั้งนี้ว่า “การส่งเสริมให้เกิดการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในระดับองค์กร เป็นหนึ่งในแนวทางที่ เอ็มจี ดำเนินการมาโดยตลอด ปัจจุบันมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน หลายหน่วยงาน อาทิ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, การประปานครหลวง, การรถไฟแห่งประเทศไทย, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), ธนาคารต่าง ๆ ฯลฯ ให้ความสนใจ  และตอบรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเอ็มจีในหน่วยงานแล้วกว่า 3,000 คัน

ทั้งนี้ด้วยคุณสมบัติของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ช่วยลดภาระค่าเชื้อเพลิง และสมรรถนะการขับขี่ที่ดีของรถยนต์ไฟฟ้า MG EP,  MG ES, MG ZS EV, MG MAXUS 9 และ NEW MG4 ELECTRIC ที่ออกจากสายการผลิตในประเทศไทยรุ่นล่าสุดนั้น นอกจากจะให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีด้วยคุณสมบัติของรถไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง พละกำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ได้ระยะทางสูงสุดถึง 540 กม. ตามมาตรฐาน NEDC จึงสามารถรองรับการใช้งานได้เป็นอย่างดี

ที่สำคัญ ปัจจุบันเอ็มจีมีจุดชาร์จรถไฟฟ้ากระจายตัวทุกพื้นที่ รวมถึงสถานี MG SUPER CHARGE ที่เปิดให้บริการแล้วกว่า 148 แห่งทั่วประเทศ ดังนั้นการใช้งานรถไฟฟ้าในจึงสะดวกสบายมากขึ้น จากความร่วมมือในครั้งนี้นอกจะช่วยส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และช่วยขับเคลื่อนสังคมรถไฟฟ้าของประเทศไทยได้อีกด้วย

ที่มา : เอ็มจี