Last updated: 4 ก.ย. 2567 | 286 จำนวนผู้เข้าชม |
บีโอไอ จับมือสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (ไทยซับคอน) บริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ พร้อมด้วยเครือข่ายอุตสาหกรรมภาคตะวันออก เปิดงาน "SUBCON Thailand : The East 2024" ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ขนทัพเทคโนโลยีชิ้นส่วนและโซลูชันการผลิตขั้นสูง เชื่อมโอกาสและยกระดับผู้ประกอบการภาคตะวันออก โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์และยานยนต์ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ คาดสร้างมูลค่าเชื่อมโยงธุรกิจกว่า 3,000 ล้านบาท พร้อมดันไทย "ศูนย์กลางการผลิตและจัดซื้อชิ้นส่วนในภูมิภาคอาเซียน"
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ภาคตะวันออกถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ โดยเฉพาะด้านการลงทุน การค้า และการท่องเที่ยว จากความโดดเด่นของโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพพร้อมรองรับการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นท่าเรือน้ำลึก สนามบินนานาชาติ ระบบโลจิสติกส์ ระบบโทรคมนาคม ไฟฟ้า ประปา และนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งนโยบายภาครัฐในการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว โดยภาพรวมการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในภาคตะวันออก ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 มีจำนวน 625 โครงการ เงินลงทุนรวม 211,569 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 46 ของเงินลงทุนทั้งหมดของประเทศ นับว่าภาคตะวันออก เป็นพื้นที่รองรับการลงทุนที่มีมูลค่าสูงที่สุดของประเทศไทย โดยเฉพาะใน 3 คลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย คือ ยานยนต์และยานยนต์ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์
เพื่อยกระดับการลงทุนและซัพพลายเชนในพื้นที่ภาคตะวันออก บีโอไอ ได้ผนึกกำลังสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (ไทยซับคอน) และอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายภาคอุตสาหกรรม ร่วมเปิดงาน "SUBCON Thailand : The East 2024" ระหว่างวันที่ 4 - 6 กันยายน 2567 เวลา 09.00 – 17.00 น. ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุชพัทยา จังหวัดชลบุรี นับเป็นการจัดงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และขยายพื้นที่เป้าหมายให้ครอบคลุม 8 จังหวัดในภาคตะวันออก ซึ่งเป็นภูมิภาคที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ประกอบกับมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและโลจิสติกส์ สร้างการเชื่อมโยงของอุตสาหกรรมระหว่างจังหวัด
บีโอไอร่วมจัดงานครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่และผู้ผลิตชิ้นส่วนในพื้นที่ และเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการภาคตะวันออกให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น รองรับการลงทุนใหม่ ๆ ที่จะเข้ามา ผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและจัดซื้อชิ้นส่วนในภูมิภาคอาเซียน ทั้งยังสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยของภาคการผลิต เพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ที่ต้องมีทั้งความ Smart และ Green
ไฮไลท์ของการจัดงานในครั้งนี้ มีผู้ผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพเข้าร่วม เพื่อเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการรายใหญ่ในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยจะมีการจับคู่เจรจาธุรกิจกับผู้ซื้อรายสำคัญกว่า 100 ราย ในส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น บริษัท Isuzu, Kawasaki Motors อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เช่น บริษัท Midea, Chicony Power อุตสาหกรรม PCB เช่น บริษัท Sanmina-SCI Systems, Techman Electronic เป็นต้น คาดว่าจะเกิดการจับคู่เจรจาธุรกิจกว่า 600 คู่ และสร้างมูลค่าการเชื่อมโยงธุรกิจกว่า 3,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม Buyers’ Village แสดงชิ้นส่วนที่ผู้ซื้อมีความต้องการจัดซื้อและจัดหาผู้รับช่วงการผลิต รวมถึงกิจกรรม Sourcing Day ที่บีโอไอจัดร่วมกับ บริษัท โฟตอน ซีพี มอเตอร์ จำกัด เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ซัพพลายเชนของผู้ผลิตรายสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ อีกทั้งยังมีบูธให้คำปรึกษา (Industrial Clinic) และงานสัมมนาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในอุตสาหกรรมใหม่และการนำเทคโนโลยีเข้ามายกระดับมาตรฐานการผลิต
นายชนินทร์ ขาวจันทร์ นายกสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่ภาคตะวันออกมีนิคมอุตสาหกรรมกว่า 40 แห่ง ทางสมาคมฯ เล็งเห็นโอกาสส่งเสริมและสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมการผลิต สอดรับกับบทบาทของสมาคมฯ ที่มุ่งสนับสนุนสมาชิกซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตให้มีพื้นที่และมีส่วนในการสนับสนุนนักลงทุนในภาคตะวันออกในการผลิตผลิตภัณฑ์ให้แข่งขันได้ในตลาดโลกโอกาสทางการค้า มองหาตลาดใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตและการพัฒนาในเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคในภูมิภาคนี้ จึงได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงาน MIRA และ SUBCON Thailand : The East 2024
สมาคมฯ ได้นำภาคีเครือข่ายภาคอุตสาหกรรมร่วมจัดแสดงเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงเพื่อส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตของไทยได้แสดงศักยภาพและคุณภาพของสินค้า ทางสมาคมฯ เชื่อมั่นว่าเวทีนี้จะเป็นก้าวที่สำคัญในการวางรากฐานการยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยในพื้นที่ภาคตะวันออกให้พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคเศรษฐกิจใหม่
นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า อินฟอร์มาฯ ถือเป็นแกนกลางที่สำคัญในการร่วมสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนให้กับทุกภาคอุตสาหกรรม โดยการจัดงาน "Mira and Subcon Thailand: The East 2024" ครั้งนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยมีหมุดหมายที่สำคัญในการสร้างโอกาสสำคัญให้กับภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออกได้พบปะกับกับผู้ซื้อ ผู้ผลิตและนักลงทุน มีการจัดแสดงเทคโนโลยี นวัตกรรมและโซลูชั่นการผลิตชั้นสูง ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สำคัญในการนำพาไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและจัดซื้อชิ้นส่วนในภูมิภาคอาเซียนในทศวรรษนี้
สำหรับงาน “MIRA and SUBCON Thailand : The East 2024” ได้จัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยในด้านผลิตภัณฑ์และโซลูชันด้านการบำรุงรักษา รวมถึงโซลูชันปัญญาประดิษฐ์ เครื่องมือกลและอุปกรณ์ และชิ้นส่วนและอุปกรณ์ประกอบชั้นนำจากภาคอุตสาหกรรม หลากหลายแบรนด์มาจัดแสดง เช่น MITUTOYO, OMRON, THAI ROKUHA และ LERTVILAI รวมถึง MITSUBISHI ELECTRIC FACTORY AUTOMATION ที่ครั้งนี้นำเอาเทคโนโลยี Machine Tools : EDM Wire – Cut ที่โดดเด่นในด้านลดของเสียจากสายการผลิตมาจัดแสดง
ภายในงานนำทีมหุ่นยนต์กู้ภัย IRAP ROBOT จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับภาคอุตสาหกรรม และนวัตกรรมหุ่นยนต์ Service Robot ที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องกว่า 20 ปี โดยทีมจากสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (FIBO) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) มาจัดแสดงพร้อมเปิดเวทีแข่งขันเชื่อมโลหะ โดยสถาบันพัฒนาบุคลากรการเชื่อม (WelDa)
พร้อมกันนี้ยังได้รวบรวมเครือข่ายกับนักอุตสาหกรรมและพันธมิตรทางธุรกิจจากนิคมอุตสาหกรรมกว่า 43 แห่ง ครอบคลุมจังหวัดภาคตะวันออก รวมถึงงานสัมมนาหัวข้อที่สำคัญจาก 4 เวทีหลักของงาน (MIRA Theatre / SUBCON THAILAND The East room / I- Factory Stage / Technology Presentation) ที่มีผลต่อทิศทางการผลิตในยุคเศรษฐกิจใหม่อย่าง MIRA Forum ที่รวบรวมความร่วมมือขององค์กรพันธมิตรที่สำคัญ รวมถึงสัมมนาในหัวข้อ “กลยุทธ์ในการจัดซื้อสำหรับนักจัดซื้อยุคใหม่” และไฮไลท์สำคัญ คือ การจับคู่ทางธุรกิจซึ่งได้รับการสนับสนุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เพื่อสร้างโอกาสสำคัญให้กับผู้ประกอบการไทย