Last updated: 4 มิ.ย. 2567 | 482 จำนวนผู้เข้าชม |
อย่างที่รู้กันว่าหัวชาร์จแต่ละแบบมีความเร็วในการชาร์จไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นเราจึงควรเลือกหัวชาร์จให้เหมาะสมกับเวลาและกิจกรรมที่กำลังจะทำให้มากที่สุด
หากคุณไปเดินห้างสรรพสินค้า ดูหนัง ช้อปปิ้ง ทำงาน หรือต้องอยู่ในสถานที่นั้นๆ เป็นเวลานาน ควรเลือกชาร์จกับตู้ AC หรือตู้ DC ที่มี kW ต่ำ เพราะถ้าหากชาร์จเสร็จเร็วเกินไป คุณจะต้องย้ายรถเปลี่ยนที่จอดอีกครั้ง เพื่อให้ผู้ใช้บริการคนต่อไปสามารถชาร์จเข้าชาร์จต่อได้ รวมถึงเป็นการหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้น
แต่หากคุณกำลังรีบ หรือมีเวลาจำกัด สามารถชาร์จกับตู้ประเภท DC ที่สามารถชาร์จได้เร็วกว่า จึงประหยัดเวลา ทำให้ไม่ต้องรอนาน
ซึ่งเมื่อชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าด้วยตู้ชาร์จแบบ DC ไปประมาณ 80% ก็สามารถสิ้นสุดการชาร์จ และเดินทางต่อได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอให้แบตเตอรีเต็ม 100% เพราะในช่วงการชาร์จที่ 20-80% จะมีความเร็วในการชาร์จที่เร็ว และจะช้าลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากชาร์จแบตเตอรีเพิ่มเกิน 80% ขึ้นไป แต่หากไม่ได้รีบเดินทางไปที่อื่นต่อ ก็สามารถชาร์จจนเต็ม 100% ได้เลย
ดังนั้น ควรเลือกชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้ตรงตามความเหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำมากกว่าเลือกที่ความเร็วในการชาร์จ
ที่มา : เพจ onion ev charger