‘COP28’ ชี้ชัด EV เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในปี 2024 จากการช่วยลดรอยคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างมีนัยสำคัญ

‘COP28’ ชี้ชัด EV เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในปี 2024 โดยหนึ่งในประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของยานยนต์ไฟฟ้าคือความสามารถในการลดรอยคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างมีนัยสำคัญ

จากการประชุม ‘COP28’ หรือ การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change Conference of the Parties: UNFCCC COP) ครั้งที่ 28 ณ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มี 197 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วม เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการเพื่อรักษาอุณหภูมิพื้นผิวโลกไม่ให้เพิ่มเกิน 1.5 องศาเซลเซียสก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม พร้อมเรียกร้องให้ทุกประเทศเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นพลังงาน

แต่ทุกวันนี้โลกยังคงต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลประมาณ 80% ส่งผลให้การประชุมแตกเป็นสองเสียง ฝ่ายหนึ่งที่มองว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นตัวการหลักให้เกิดภาวะโลกร้อน การจะบรรลุเป้าหมายรักษาอุณหภูมิพื้นผิวโลกได้ คือ ต้อง ‘เลิก’ ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ขณะที่อีกฝ่ายที่ต้องพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นหลักก็ออกมาคัดค้าน จึงไม่ได้บรรลุถึงแผนเลิกการใช้พลังงานฟอสซิล เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนผ่านจากการใช้งานเชื้อเพลิงฟอสซิลในระบบพลังงานเป็นพลังงานทดแทนอย่างอื่น

อย่างไรก็ตาม ทิศทางการลดการใช้พลังงานฟอสซิลจะเป็นแนวทางที่โลกมุ่งไปเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งนี่คือหรือทิศทางที่จะเกิดขึ้นในปี 2024 เพื่อก้าวไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป

เปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา

ตามกฎหมายใหม่ของสหภาพยุโรปที่กำหนดมาตรฐานสำหรับการรายงานเกี่ยวกับความยั่งยืนสำหรับบริษัทต่าง ๆ ที่จะต้องรายงานนั้น จะบังคับให้ต้องเพิ่มความโปร่งใสและความรับผิดชอบขององค์กรด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และต้องแน่ใจว่าไม่ได้เป็นรายงานเพื่อประโยชน์ของตน แต่ใช้การรายงานเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมาย นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจริง

ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืน

เทคโนโลยี AI จะถูกนำมาผนวกในงานด้านความยั่งยืนให้มีประสิทธิภาพและแม่นยำสำหรับการวิเคราะห์ในกรณีที่ข้อมูลมีปริมาณมาก และต้องการให้ได้ข้อมูลที่รวดเร็ว รวมถึงการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้คาดการณ์ผลกระทบของกลยุทธ์ความยั่งยืนต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งช่วยวิเคราะห์การใช้พลังงาน เพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงานอย่างดีที่สุด

ความหลากหลายทางชีวภาพช่วยขับเคลื่อนความยั่งยืน

การฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพจะกลายเป็นหัวใจสำคัญในการช่วยบรรเทาการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพจะถูกนับเป็น “ต้นทุน” ที่มีคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล

EV ยานยนต์เพื่อโลกที่ยั่งยืน

หนึ่งในประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของยานยนต์ไฟฟ้า คือความสามารถในการลดรอยคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างมีนัยสำคัญ ด้วยการเปลี่ยนพลังงานจากแหล่งพลังงานที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งสามารถรับรองแค่ครั้งเดียว ในระหว่างการทำงานของรถ นอกจากนี้ การที่ Grid ไฟฟ้ายังคงเปลี่ยนไปใช้พลังงานจากแหล่งที่มีอยู่อย่างอิสระ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำและพลังงานจากซากพืช

จากข้อมูลของ Emissions Database for Global Atmospheric Research (EDGAR) ระบุว่า ในปี 2565 ภาคการขนส่งมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงขึ้นถึงร้อยละ 72% เมื่อเทียบกับปีฐานในปี 2533 การร่วมกันหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV จึงเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในปี 2024

พลังงานหมุนเวียนจะมีบทบาทมากขึ้นในเวทีพลังงานโลก

ปัจจุบันมีมากกว่า 100 ประเทศ ที่จะเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนสามเท่าภายในปี 2573 สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์ว่ากำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกจะเกิน 4,500 กิกะวัตต์ในปี 2567 ซึ่งเทียบเท่ากับกำลังการผลิตไฟฟ้าของจีนและสหรัฐอเมริการวมกัน

จีนและสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลรายใหญ่ที่สุดของโลก 2 ตกลงที่จะเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานทดแทน 3 เท่าภายในปี 2573 ซึ่งมากพอที่จะทดแทนการผลิตถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ

ในขณะเดียวกันไฮโดรเจนสีเขียว ซึ่งเป็นไฮโดรเจนที่ผลิตจากน้ำผ่านอิเล็กโทรลิซิสโดยใช้พลังงานหมุนเวียน เป็นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าพร้อมคำมั่นสัญญาอันยิ่งใหญ่ที่จะเข้าสู่ส่วนผสมเชื้อเพลิงหมุนเวียนมากขึ้นในปี 2567

นอกจากนี้ พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมจะเป็นตัวหลักที่มีส่วนทำให้พลังงานสะอาดขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การเติบโตต่อเนื่องในปี 2024 ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลของแต่ละประเทศว่าสามารถให้การสนับสนุนทางนโยบายได้แค่ไหน เพื่อจัดการกับความท้าทายในแง่ของการขอใบอนุญาตและการประมูลกำลังการผลิต

ที่มา : Ptt NEWS