Last updated: 12 พ.ย. 2567 | 185 จำนวนผู้เข้าชม |
ดีเอชแอล โกลเบิล ฟอร์เวิร์ดดิ้ง ประเทศไทย เปิดตัว “DHL International Multimodal Hub” ให้บริการขนส่งระหว่างประเทศแบบมัลติโมดอลบนพื้นที่ 480 ตารางเมตร ภายในศูนย์การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ เขตปลอดอากร 3 สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเชื่อมโยงทางการค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยกระดับอุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์ของไทยให้เป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาค
ก่อนหน้านี้ บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) ร่วมกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) และกรมศุลกากรไทย จัดตั้งศูนย์การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transportation Center) ซึ่งเป็นสถานที่ที่มุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกด้านการค้าด้วยมาตรการควบคุมทางศุลกากรที่มีประสิทธิภาพ และยกระดับอุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาค
คุณวินเซนต์ ยง กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล โกลเบิล ฟอร์เวิร์ดดิ้ง ประเทศไทย เปิดเผยว่า ภายในศูนย์ดังกล่าว DHL Global Forwarding Thailand เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเพียงรายเดียวที่พร้อมด้วยคลังสินค้าพิเศษภายในศูนย์ บนพื้นที่กว่า 480 ตารางเมตร ทำให้ลูกค้าสามารถใช้บริการขนส่งแบบผสมผสานได้อย่างครบวงจร ตอบโจทย์การขนส่งที่หลากหลายรูปแบบ หรือ Multimodal ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งทางรถ ทางอากาศ หรือทางทะเล ช่วยให้การขนส่งสินค้าเข้า-ออกประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว สะดวกสบาย ไร้รอยต่อ ช่วยให้ลูกค้าประหยัดเวลา ลดขั้นตอน และมีความคล่องตัวในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยให้กระบวนการศุลกากรเป็นเรื่องง่ายตอบโจทย์แบบครบวงจร“
เปลี่ยนมุมมอง Landlock สู่ Landlink สร้าง "จุดเชื่อมต่อที่สำคัญ" ในภูมิภาค
DHL International Multimodal Hub ได้ผลักดันการเชื่อมโยงทางการค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเครือข่าย DHL Asiaconnect และ DHL Asiaconnect+ ซึ่งเป็นเครือข่ายการขนส่งแบบ LTL (Less Than Truckload) ของ DHL ด้วยศูนย์กลางการขนส่งแบบครบวงจรของ DHL ที่ประเทศไทย ทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินโดจีน และจีน เป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศลาว ด้วยแนวคิดเปลี่ยนมุมมอง Landlock สู่ Landlink ช่วยสร้าง "จุดเชื่อมต่อที่สำคัญ" ในภูมิภาค โดยคำนึงถึงการเชื่อมโยงกับผู้คนในท้องถิ่นตามแนวคิด “thinking local, acting local” เน้นถึงความสำคัญของการขนส่งทางถนนอันเป็นส่วนหนึ่งของโซลูชันการขนส่งแบบมัลติโมดอล (Multimodal)
“ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด 19 ความสามารถในการขนส่งที่จำกัด อัตราค่าขนส่งทางทะเลและทางอากาศที่สูง รวมถึงการปิดท่าเรือและสนามบิน ได้ผลักดันให้ลูกค้าหันมาใช้การขนส่งทางถนนมากขึ้น ขณะนี้เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติแล้ว ลูกค้าก็ยังคงเห็นถึงความสำคัญของการขนส่งทางถนน โดยเฉพาะในภูมิภาคนี้
การขนส่งทางถนนมีบทบาทสำคัญในโซลูชันการขนส่งแบบ Multimodal โดยเฉพาะเมื่อต้องขนส่งสินค้าภายในภูมิภาคหรือกับประเทศจีน การขนส่งสินค้าผ่านรูปแบบการขนส่งแบบผสม เช่น ทางรถไฟและทางถนน สามารถช่วยลดระยะเวลา Door-to-Door (DTD) ได้เร็วกว่าการขนส่งทางทะเล และมีต้นทุนต่ำกว่าการขนส่งทางอากาศ” คุณบรูโน เซลโมนี รองประธานฝ่ายการขนส่งทางถนนและโซลูชันมัลติโมดอล ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ดีเอชแอล โกลบอล ฟอร์เวิร์ดดิ้ง กล่าว
ซ้าย : นายวินเซนต์ ยง กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล โกลเบิล ฟอร์เวิร์ดดิ้ง ประเทศไทย ขวา: นายบรูโน เซลโมนี รองประธานฝ่ายการขนส่งทางถนนและโซลูชันมัลติโมดอล ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดีเอชแอล โกลบอล ฟอร์เวิร์ดดิ้ง
เกี่ยวกับ DHL – The logistics company for the world
ดีเอชแอล (DHL) เป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ หน่วยธุรกิจของดีเอชแอลนำเสนอผลงานบริการโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่งพัสดุภายในประเทศและระหว่างประเทศ บริการขนส่งและโซลูชันการจัดการคำสั่งซื้อในอีคอมเมิร์ซ การขนส่งด่วนระหว่างประเทศ การขนส่งทางถนน ทางอากาศ และทางทะเล ไปจนถึงการบริหารจัดการซัพพลายเชนอุตสาหกรรม ด้วยจำนวนพนักงานประมาณ 395,000 คนในกว่า 220 ประเทศและเขตปกครองทั่วโลก ดีเอชแอลเชื่อมโยงผู้คนและธุรกิจได้อย่างปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ส่งเสริมการค้าที่ยั่งยืนทั่วโลก โดยโซลูชันเฉพาะทางสำหรับตลาดและอุตสาหกรรมที่เติบโต รวมถึงเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ชีวภาพและสุขภาพ วิศวกรรม การผลิตและพลังงาน ยานยนต์ และการค้าปลีก ดีเอชแอลจึงได้รับการยอมรับว่าเป็น “บริษัทโลจิสติกส์เพื่อโลก”
ดีเอชแอลเป็นส่วนหนึ่งของ DHL Group ซึ่งในปี 2023 DHL Group มีรายได้กว่า 81.8 พันล้านยูโร ด้วยการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนและมุ่งมั่นใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม DHL Group มีบทบาทเชิงบวกต่อโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นโลจิสติกส์ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050
ที่มา : DHL Global Forwarding Thailand