Last updated: 8 Oct 2023 | 4028 Views |
การรับมือสถานการณ์เฉพาะหน้าอย่างรถแบตหมดกลางทางในขณะที่รถอยู่บนถนน เป็นเรื่องที่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามือใหม่ หรือผู้คิดจะออกรถ EV มาใช้สักคันหลายคนกังวล ปัญหาตรงนี้ Evolt มีคำตอบ...
การเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนรถน้ำมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าล้วน ๆ จากแบตเตอรี่ หรือ BEV นั้น ต้องเปลี่ยนสไตล์การใช้ชีวิตจากเดิมที่เคยเติมน้ำมันที่ปั๊มมาเป็นการชาร์จไฟฟ้าจากที่บ้าน หากต้องขับรถระยะทางไกลเกินกว่าจะกลับมาชาร์จที่บ้านต้องแวะหาจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ปัจจุบันมีให้บริการในสถานีบริการน้ำมันบางแห่ง ตามห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ หรือตามศูนย์กลางการค้าต่าง ๆ
นอกจากต้องเปลี่ยนวิธีการเติมเชื้อเพลิงแล้ว ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องปรับเปลี่ยนตามเทคโนโลยีอันทันสมัยของรถ EV ทั้งในด้านการขับขี่ การใช้โปรแกรมอัจฉริยะภายในรถที่มีลูกเล่นใหม่ๆ มากมาย รวมทั้งการบำรุงรักษา ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามือใหม่ต้องตามให้ทันเทคโนโลยีเหล่านั้น
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นสิ่งที่หลาย ๆ พร้อมที่จะเรียนรู้อยู่แล้ว แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ผู้ใช้รถ EV มือใหม่หลายคนแอบกังวลเกรงว่าจะเกิดปัญหาแบตเตอรี่หมดทำให้รถยนต์ดับบนถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนท้องถนนในเมืองใหญ่ ๆ อย่างกรุงเทพฯ ที่มีการจราจรติดขัดอยู่เสมอ
การจะรับมือกับสถานการณ์เช่นนั้นเป็นเรื่องซีเรียสสำหรับหลายๆ คน แต่ปัญหาตรงนี้ Evolt มีคำแนะนำดีๆ มาบอกให้ทุกคนได้ทราบ และสามารถนำไปใช้แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี มาดูกันว่าถ้าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันอย่างนั้น ควรปฏิบัติตัวอย่างไร?
STEP 1 : ใจเย็น ตั้งสติให้อยู่กับตัวเอง
โดยปกติแล้วรถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัญญาณแจ้งเตือนแบตเตอรี่เหลือน้อยอยู่ ถ้าคุณได้ยินเสียงสัญญาณ สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งสติกับตัวเองก่อน อย่าตกใจ แล้วรีบหาที่จอดรถข้างทางก่อนเป็นอันดับแรก
STEP 2 : ตรวจสอบระยะทางที่เหลือ
ให้คุณดูหน้าปัดของรถยนต์ไฟฟ้าว่ายังสามารถวิ่งได้อีกประมาณกี่กิโลเมตร ว่าสามารถหาจุดชาร์จไฟได้ทันหรือไม่ หากระยะทางเหลือน้อย ให้รีบหาจุดชาร์จไฟทันที โดยคุณสามารถโหลดแอปพลิเคชัน Evolt เพื่อค้นหาและใช้สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ตัวคุณได้เลย พร้อมมีระบบนำทางจากบนแอปให้คุณขับได้ไม่ต้องกลัวหลง
STEP 3 : เปิดโหมดประหยัดพลังงานภายในงาน
ใช้โหมดประหยัดพลังงาน ปิดแอร์ภายในรถ และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็น เพื่อยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ให้สามารถประคองไปจนถึงสถานีชาร์จใกล้คุณได้
STEP 4 : กรณีรถดับไปแล้ว ให้โทรขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน
หากรถดับไปแล้วและยังหาจุดชาร์จไฟไม่เจอ สามารถโทรขอความช่วยเหลือจากศูนย์บริการ บริษัทประกันภัย หรือรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นจะมีปุ่ม Emergency Call สำหรับการโทรขอความช่วยเหลือจากรถยกเป็นกรณีฉุกเฉินเพื่อพาไปยังสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าใกล้ที่สุด
ทั้งนี้ Evolt ได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่าการปล่อยให้รถยนต์ไฟฟ้าแบตหมดจนเครื่องดับบ่อยครั้งไม่ใช่เรื่องดีต่อรถเท่าไหร่นัก วิธีที่ดีคือการวางแผนให้ดีก่อนออกเดินทาง โดยการตรวจสอบแบตเตอรี่ว่ามีระยะทางที่เหลือเท่าไหร่ พร้อมทั้งหาจุดชาร์จที่อยู่ระหว่างทางไว้ก่อนออกเดินทาง รวมทั้งดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นช่วยค้นหาจุดชาร์จรถ EV น่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด
ขอขอบคุณคำแนะนำดี ๆ จากเพจเฟชบุ๊ก EVolt Thailand
เกี่ยวกับ Evolt: https://Evolt.co.th/th/
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ที่ : onelink.to/Evolt