Last updated: 20 Aug 2023 | 1622 Views |
เปิดตัวมาพร้อมๆกับเวอร์ชั่นเครื่องยนต์เบนซินและเวอร์ชั่นเครื่องยนต์ดีเซล แต่ในเวอร์ชั่นปลั๊ก-อิน ไฮบริด ของ Mercedes-Benz E 300 e Plug-in hybrid ก็รักษ์โลกมากกว่า เพราะมีฟังก์ชั่นอัจฉริยะปรับโหมดมาใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนๆขณะขับขี่ในเมืองหรือแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แต่เมื่อต้องการทำเวลาในระหว่างเดินทางข้ามจังหวัดก็หันไปใช้บริการพลังงานจากฟอสซิลได้
เพราะจุดเด่นของรุ่นรถยนต์ Plug-in hybrid คือสามารถผสมผสานการขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าที่ไร้เสียงรบกวนและปราศจากการปล่อยมลพิษในเมืองเข้ากับการทำงานอย่างอิสระของเครื่องยนต์สันดาปเมื่อเดินทางระยะไกล ทำให้เพลิดเพลินไปกับความรู้สึกในการขับขี่รูปแบบใหม่ที่สามารถเร่งความเร็วได้ทันทีอย่างทรงพลัง
ขุมพลังของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส เป็นเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด รหัส E 300 e ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (ถ้าอยากแรงหน่อย เพิ่มเป็น 252 แรงม้า ก็ต้องเลือกรุ่น E 400 e 4MATIC ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ) แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.7 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กม./ชม.
เครื่องยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริดของ E 300 e Plug-in Hybrid จะผสานรวมการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพของเครื่องยนต์เบนซิน/เครื่องยนต์ดีเซลเข้ากับระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ที่อาจทำให้ประหลาดใจกับระยะทางที่ขับขี่ได้โดยไม่ใช้พลังงานเพิ่มเติมในสภาพการจราจรแออัดในเขตเมือง ข้อสำคัญคือไม่มีการปล่อยมลพิษออกมา และจะรู้สึกผ่อนคลายเพราะการขับขี่แบบไฟฟ้าที่ปราศจากเสียงรบกวน ซึ่งระยะทางที่ขับด้วยโหมดไฟฟ้าอยู่ที่ 58 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง
ความฉลาดของรุ่นนี้อยู่ที่ฟังก์ชันปรับโหมดการทำงานของรถยนต์ตามลักษณะถนน จะปรับโหมดการขับขี่เป็นไฟฟ้าหรือน้ำมันโดยนำข้อมูลการนำทาง ภูมิประเทศ การจำกัดความเร็ว และสภาพการจราจรตลอดเส้นทางมาประมวลผลผ่านระบบ ECO Assistant เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน
อัตราการสิ้นเปลืองพลังงาน เมื่อใช้งานแบบผสม คือ 43.5ลิตร/100 กม. ถือว่าประหยัดใช้ได้ทีเดียว
นอกจากนี้การขับขี่ในโหมดไฟฟ้ายังตอบสนองต่อการเร่งเครื่องได้ทันอกทันใจและให้แรงบิดสูงสุดตั้งแต่รอบแรก “คุณจะคุ้นเคยกับไดนามิกใหม่นี้ทันทีและจะไม่อยากละทิ้งความรู้สึกนี้อีกต่อไป อย่างช้าสุดก็เมื่อคุณรู้สึกสัมผัสได้ถึงพลังการเต้นของหัวใจทั้งสองดวงในเวลาเดียวกันกับที่คุณกำลังเร่งความเร็วรถ” เว็บไซต์ของเบนซ์บรรยายไว้อย่างนั้น
ดีไซน์ภายนอกสะท้อนถึงความคล่องตัว ฝากระโปรงหน้าที่ยื่นออกมาพร้อมพาวเวอร์โดม ไฟหน้าที่ออกแบบใหม่ และการออกแบบกระทะล้อให้ทันสมัยช่วยให้มีภาพลักษณ์แบบ Progressive แต่อุปกรณ์ตกแต่งรอบคันก็แตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย ดังนี้
ชุดอุปกรณ์ภายนอกสไตล์ AVANTGARDE (E 300 e Avantgarde)
ชุดอุปกรณ์ภายนอกสไตล์ AMG Line (E 300 e AMG Dynamic)
การออกแบบภายในก็แยกย่อยเป็นของแต่ละรุ่น
ชุดอุปกรณ์ภายในสไตล์ AVANTGARDE (E 300 e Avantgarde)
ชุดอุปกรณ์ภายในสไตล์ AMG Line (E 300 e AMG Dynamic)
ระบบควบคุมการปรับอากาศล่วงหน้าแบบควบคุมได้ผ่านแอพ
สามารถตั้งค่าเวลาและอุณหภูมิภายในรถยนต์ และอุณหภูมิที่นั่ง ได้แบบล่วงหน้าผ่านแอพ Mercedes m
ชาร์จไฟได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใด
ทางเลือกในการชาร์จมีมากมายและใช้งานง่าย ไม่ว่าจะเป็นชาร์จที่บ้าน กับ Wallbox ในโรงจอดรถส่วนตัว หรือ ชาร์จที่ตู้ชาร์จสาธารณะในเมือง เพราะมีบริการดิจิทัลในรถยนต์เป็นผู้ช่วยวางแผนจุดพักชาร์จรถที่เป็นไปได้ ด้วยระบบนำทางพร้อม Electric Intelligence และการแสดงผลระยะทางที่รถวิ่งต่อไปได้โดยไม่ใช้พลังงานเพิ่ม ระบบจะวางแผนการเดินทางจะจัดการทุกอย่างแทบทั้งหมดด้วยตัวเอง
ระบบช่วยเหลือ
ระบบช่วยนำรถเข้าจอดแบบอัตโนมัติพร้อม เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด
ระบบช่วยนำรถเข้าจอดแบบแอ็คทีฟรุ่นที่ห้าช่วยนำรถเข้าจอดในช่องจอดรถ ด้วยความเร็วสูงสุดตามที่ออกแบบให้รถแต่ละรุ่นไม่เกิน 35 กม./ชม. ระบบจะช่วยหาที่จอดรถที่เหมาะสมให้
ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร (Active Lane Keeping Assist)
ระบบช่วยเตือนการขับรถให้อยู่ในช่องทางแบบแอ็คทีฟ สามารถพาคุณกลับมาในเลนอีกครั้ง หากคุณออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ มาพร้อมตัวช่วยหลายฟังก์ชั่น
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist)
ระบบช่วยตรวจสอบจุดบอดจะช่วยตรวจสอบพื้นที่ให้อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะตอนเปิดไฟเลี้ยว ระบบสามารถส่งสัญญาณเตือนด้วยภาพและเสียงก่อนเกิดการชนปะทะด้านข้างกับผู้ใช้ท้องถนนคนอื่น ๆ ที่อยู่ในจุดบอดได้ แม้หลังจากเดินทางถึงจุดหมายแล้ว ระบบจะยังคอยเฝ้าระวังและส่งสัญญาณเตือนเมื่อเปิดประตูรถผิดจังหวะ
ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO
ความสะดวกสบายใส่กันมาสุดๆ มีการติดตั้ง KEYLESS-GO Comfort Package ช่วยให้สตาร์ทและล็อกรถยนต์ได้ง่ายๆเพียงแค่พกกุญแจรถไว้กับตัว
ความปลอดภัยใส่มาให้ครบครัน
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
เซ็นเซอร์ภายในรถจะทำหน้าที่ตรวจสอบและวิเคราะห์ลักษณะการขับขี่ พร้อมส่งสัญญาณเสียงและภาพเตือนทันที หากพบว่าผู้ขับขี่เริ่มมีอาการเหนื่อยล้า เพื่อช่วยป้องกัน และลดการเกิดอุบัติเหตุอย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบช่วยเบรกแบบแอ็คทีฟ (Active Brake Assist)
ระบบช่วยเบรคอัตโนมัติ (Active Brake Assist) จะช่วยตรวจจับ ระยะห่างระหว่างรถยนต์คันหน้า ผ่านระบบสัญญาณเรดาร์ และเตือนด้วยเสียงเพื่อให้ผู้ขับขี่เหยียบเบรคเพื่อชะลอความเร็ว ช่วยลดอุบัติเหตุุ และอันตรายที่เกิดจากการชนรถคันหน้า
ระบบช่วงล่าง
9G-TRONIC
แค่เข้าเกียร์แล้วจึงปล่อยให้มันควบคุม เกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างอิสระ เข้ากับทุกสถานการณ์การขับขี่และลักษณะการขับขี่ของผู้ขับอย่างลงตัว
DYNAMIC SELECT
โปรแกรมการขับขี่ DYNAMIC SELECT สามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะการขับขี่ได้เพียงแค่กดปุ่ม ซึ่งคุณสามารถควบคุมลักษณะของเครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง และระบบบังคับเลี้ยวให้เข้ากับสถานการณ์การขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่แบบคล่องตัวในโหมด Sport การขับขี่แบบสะดวกสบายในโหมด Comfort หรือขับขี่อย่างประหยัดในโหมด Eco
เดี๋ยวนี้สั่งซื้อออนไลน์ได้แล้ว
ราคาเริ่มต้นที่ 3,650,000.00 บาท
สนใจเข้าไปดูกันได้ที่เว็บไซต์ของ Mercedes-Benz