Last updated: 4 Oct 2023 | 553 Views |
SHARGE คาดยอยขายรถ BEV ปี 2566 ทะลุ 1 แสนคัน กระตุ้นยอด EV Charger เติบโตสูง เพิ่มโอกาสให้บริษัทก้าวสู่การเป็นผู้นำให้บริการชาร์จรถ EV ครบวงจร ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมวางเป้าหมายติดตั้งจุดชาร์จ 40,000 หัวชาร์จภายในปี 2566
นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) เปิดเผยถึงสถานการณ์ยานยนต์ไฟฟ้าปี 2566 ว่า ความต้องการด้าน EV Charger ในประเทศไทยยังคงเติบโตสูงเนื่องจากมีผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 มียอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) อยู่ที่ 20,816 คัน เพิ่มขึ้นถึง 260% ขณะที่ปี 2566 คาดว่าประเทศไทยจะมียอดขายรถ BEV ทะลุ 1 แสนคัน ช่วยเพิ่มโอกาสให้บริษัทก้าวสู่การเป็นผู้นำในการให้บริการ EV Charger ครบวงจร ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ “No.1 Lifestyle EV Charging Operator” ได้
ดังนั้นบริษัทฯจึงได้เดินหน้าตามแผน “Every Charging Journey” เชื่อมต่อทุกการเดินทางของผู้ใช้รถ EV เพื่อช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานของผู้บริโภค และยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้าน EV Charger ให้แข็งแกร่ง สร้างความยั่งยืนด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมให้กับประเทศไทย ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1.Every Route สร้างความมั่นใจในทุกเส้นทาง ตั้งเป้าหมายติดตั้งจุดชาร์จ 40,000 หัวชาร์จภายในสิ้นปี 2566 เพื่อให้ครอบคลุมการเดินทางตั้งแต่ก่อนออกจากบ้านไปจนถึงการเดินทางไปยังต่างจังหวัด
ทั้งนี้จะมีการติดตั้งหัวชาร์จความเร็วสูง (Fast Charger) ขนาด 120-360 kW จำนวน 130 สถานี ซึ่งเครื่องชาร์จขนาด 360 kW ถือเป็นเครื่องชาร์จที่มีความเร็วในการชาร์จสูงที่สุดในโลกขณะนี้ เพื่อยกระดับบริการด้าน EV Charger ให้ครบวงจร ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานครอบคลุมทั่วประเทศ
นอกจากนี้ยังได้ขยายการให้บริการข้ามพรมแดนไปยังประเทศมาเลเซียเป็นครั้งแรกร่วมกับเชลล์และปอร์เช่ เอเชีย-แปซิฟิก ในการติดตั้งและให้บริการสถานี “Shell Recharge” สถานีชาร์จยานยนต์พลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง (HPC) ขนาด 180 kW แล้วด้วย
ขณะเดียวกัน บริษัทฯได้มีการพัฒนาแอปพลิเคชั่น SHARGE ที่มีหลากหลายฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง ทั้งการค้นหาอัจฉริยะที่สามารถโชว์จุดชาร์จ EV ตามประเภทหัวชาร์จที่ต้องการ ระบบจองการใช้งานล่วงหน้า 24 ชั่วโมง พร้อมระบบคำนวณเวลาและพลังงานที่ช่วยผู้ใช้งานวางแผนการชาร์จ EV ได้อย่างง่ายดาย
2.Every Necessity ตอบโจทย์ทุกระดับความจำเป็นของผู้ใช้งาน โดยการประเมินความสำคัญและความเร่งด่วนในการติดตั้งของสถานที่แต่ละประเภท พร้อมเดินหน้าเป็นพันธมิตรกับกลุ่มสถานที่ที่มีความจำเป็นต้องใช้ EV Charger (Must Have Location) เพื่อให้กลุ่มสถานที่เหล่านั้นพร้อมรองรับกลุ่มผู้ใช้รถ EV เช่น กลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ กลุ่มอาคารขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยใหม่
SHARGE เป็นผู้ให้บริการ EV Charger รายเดียวในไทยที่ผนึกกำลังกับ PEA ENCOM ในเครือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จัดตั้งบริษัทร่วมทุน ENCOM SHARGE เพื่อพลิกโฉมระบบนิเวศ EV ประเทศไทย ทำให้บริษัทมีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้บริการติดตั้ง EV Charger อย่างทั่วถึงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รองรับทุกไลฟ์สไตล์การเดินทางของผู้ใช้รถ EV รวมทั้งขยายจำนวนหัวชาร์จภายใต้ความดูแลของ SHARGE ได้ตามเป้าหมาย
“จากกระแสความนิยมรถ EV ทำให้การขยายสถานีบริการ EV Charger ตามอาคารและสถานที่ต่าง ๆ เป็นภารกิจที่สำคัญในขณะนี้ ซึ่งที่ผ่านมา SHARGE ได้นำโนว์ฮาวและทีมงานมืออาชีพมาช่วยขยายจำนวนสถานีชาร์จ EV ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงร่วมกับพันธมิตรองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เรามี EV Charging Network ที่แข็งแกร่งมากที่สุดรายหนึ่งในตลาด” นายพีระภัทรกล่าว
3.Every Lifestyle รองรับทุกไลฟ์สไตล์การชาร์จของผู้ใช้งานทั้ง 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย “NIGHT” กลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จที่เน้นการชาร์จที่บ้านในช่วงกลางคืน มีสัดส่วนอยู่ที่ 70% ของผู้ใช้งานทั้งหมด โดยคาดว่าจะมีหัวชาร์จเพิ่มเติมในปีนี้อีกราว 31,000 จุด เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้งานในกลุ่มนี้ “DAY” กลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จระหว่างวัน เน้นการชาร์จที่จุดหมายปลายทาง เช่น ศูนย์การค้า แหล่งไลฟ์สไตล์ อาคารสำนักงาน มีสัดส่วนอยู่ที่ 15% พร้อมรองรับด้วยจำนวนหัวชาร์จเพิ่มเติมในปีนี้อีกราว 1,000 จุด และ “ON-THE-GO” กลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จที่เน้นการชาร์จตามสถานีบริการระหว่างเดินทางข้ามจังหวัด หรือสถานที่อื่น ๆ มีสัดส่วนที่ 15% จากผู้ใช้งานทั้งหมด รองรับบริการครอบคลุมทุกเส้นทางด้วยหัวชาร์จสะสมมากกว่า 520 จุด
ที่ผ่านมา บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ อาทิ แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค พฤกษาฯ ผู้ให้บริการพลังงาน เช่น PEA ENCOM ในเครือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, เชลล์ (Shell), บางจาก ผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ เช่น อาวดี้ เบนซ์ ปอร์เช่ เรเว่ ออโตโมทีฟ ตัวแทนจำหน่ายและผู้ให้บริการหลังการขายของบีวายดี และกลุ่มผู้มียานพาหนะให้บริการจำนวนมาก (Fleet Operator) เช่น เรือด่วนเจ้าพระยา รวมถึงบริษัทโลจิสติกส์ บริษัทที่ให้บริการด้านการขนส่งคนและสิ่งของ เพื่อเพิ่มจำนวนจุดชาร์จให้ครอบคลุมและเพียงพอสำหรับทุกไลฟ์สไตล์
นอกจากนี้ SHARGE ยังเดินหน้าร่วมมือกับพันธมิตรส่งมอบสิทธิพิเศษให้แก่ผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่องในรูปแบบ Lifestyle & Privilege Programs ทั้งโปรแกรมสะสมคะแนนและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อาทิ สะสมคะแนน Shell GO+ เมื่อใช้บริการในสถานี Shell Recharge พร้อมรับส่วนลดพิเศษ เอกสิทธิ์เฉพาะลูกค้า Shell-Porsche สะสมหรือแลกเปลี่ยนคะแนนสำหรับสมาชิก The1
สิทธิประโยชน์ใหม่ ๆ สำหรับสมาชิกร่วมกับพันธมิตรเครือข่าย เช่น ระบบ Plug-and-Charge ร่วมกับค่ายพันธมิตรรถยนต์ มอบเครดิตการชาร์จแบบเอ็กซ์คลูซีฟให้แก่ลูกค้าใหม่ของพันธมิตรผ่านการผูกบัญชีไว้กับเลขตัวถังรถ เพียงเสียบชาร์จรถ EV ที่ผูกเลขตัวถังรถไว้กับหัวชาร์จของ SHARGE ระบบจะดำเนินการชาร์จและตัดเครดิตการชาร์จให้อัตโนมัติ ลดเวลาและขั้นตอน เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งาน โดยปัจจุบันได้พัฒนาระบบและสิทธิพิเศษดังกล่าวให้แก่ปอร์เช่เรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบและสิทธิพิเศษให้แก่ทาง BYD
นายพีระภัทรกล่าวเพิ่มเติมว่า การเดินหน้าตามแผน Every Charging Journey จะทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่ง สามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้านการให้บริการ EV Charger ครบวงจร ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ (No.1 Lifestyle EV Charging Operator) ช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึง EV Charger ได้อย่างทั่วถึง ลดการเกิดมลพิษที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการสร้างการเติบโตให้กับบริษัท