รมว.อุตฯ หารือ นิสสัน เล็งใช้ยูโร 6 ร่วมกับแผนผลิตรถ HEV พร้อมขยาย ECO Car ส่งเสริมยานยนต์สมัยใหม่

นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมหารือกับนายโทชิฮิโระ ฟูจิกิ ประธานบริษัท นิสสัน อาเซียน , นิสสัน ประเทศไทย และคณะ โดยมีนางสาวณิรดา วิสุทธิชาติธาดา รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมด้วย ณ ห้องประชุม อก.1 ชั้น 2 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ได้หารือกับ บริษัทฯ นิสสัน ในประเด็นเกี่ยวกับแผนการลงทุน และนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ประกอบด้วย
       1) แผนการใช้มาตรฐานยูโร 6 สำหรับรถยนต์ดีเซลขนาดเล็ก ในปี 2572 (ค.ศ.2029) และรถยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ในปี 2575 (ค.ศ.2032)
       2) แนวทางการดำเนินงานของกระทรวงอุตสาหกรรมภายใต้มาตรการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฮบริด (HEV) เช่น การกำหนดเงื่อนไขการใช้ชิ้นส่วนสำคัญในประเทศ และการ              รับรองการใช้ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver Assistance Systems: ADAS)                                                                                                                                 3) การขอขยายเวลามาตรการรถยนต์ประหยัดหลังงานมาตรฐานสากล (ECO Car) เพื่อรักษาฐานการผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่มีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศสูง                  และการกำหนดเงื่อนไขที่เหมาะสม

กระทรวงฯ พร้อมสนับสนุนมาตรการต่าง ๆ และจะพิจารณาเงื่อนไขให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาคเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้จะมอบหมายให้คณะทำงานร่วมหารือรายละเอียดในประเด็นข้างต้นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความชัดเจน และให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์สมัยใหม่เป็นไปอย่างราบรื่น และยั่งยืน

ทางด้านนายฟูจิกิ กล่าวว่า นิสสันฯ ยินดีให้ความร่วมมือในการหารือเกี่ยวกับแผนการลงทุน และนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่กับกระทรวงอุตสาหกรรม และพร้อมเข้าร่วมโครงการไฮบริดตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาล ซึ่งมั่นใจว่าทางกระทรวงฯและภาครัฐมีแนวทางส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เหมาะสมกับทั้งนักลงทุนและผู้บริโภค โดยประเทศไทยจะยังคงเป็นตลาดสำคัญของนิสสันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตและพัฒนาธุรกิจในตลาดอาเซียนและประเทศไทยต่อไป

ที่มา : เว็บรัฐบาลไทย