รถ EV พระที่นั่งคันแรกของโป๊ป!

First electric Popemobile! Mercedes-Benz G580 EQ Technology เวอร์ชั่นพิเศษ “หนึ่งเดียวในโลก” คันนี้คือรถยนต์พระที่นั่งไฟฟ้า 100% คันแรกของ “โป๊ป” สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ทรงรับมอบจากตัวแทนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ไปเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2024 ที่ผ่านมา

Mercedes-Benz เป็นผู้จัดหารถยนต์พระที่นั่งให้กับสำนักวาติกันมาเป็นเวลายาวนานกว่า 94 ปี โดยในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา รถยนตร์พระที่นั่งของสมเด็จพระสันตะปาปาที่รู้จักกันในนาม "Popemobiles" จะดัดแปลงจาก Mercedes-Benz รุ่น G-Class และนี่เป็นครั้งแรกที่รถพระที่นั่งเป็นรถพลังงานไฟฟ้า 100% หรือ electric Popemobile...นั่นหมายความว่าสมเด็จพระสันตะปาปาจะทรงเดินทางโดยปราศจากการปล่อยมลพิษ

Popemobile คันใหม่เสร็จทันเวลาเฉลิมฉลองปีกาญจนาภิเษกในปี 2025 (The 2025 Jubilee) ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นทุกๆ 25 ปี และเป็นงานที่คาดว่าจะมีผู้แสวงบุญหลายล้านคนจากทั่วโลกมารวมตัวกันที่กรุงโรม

ยานพาหนะคันนี้ได้รับการพัฒนาโดยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสำนักวาติกันเพื่อการใช้งานของสมเด็จพระสันตะปาปาโดยเฉพาะ และการที่รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ก็มีส่วนทำให้สมณสาสน์ "Laudato Si" ที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจะทรงอธิบายถึงความจำเป็นในการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นจริงขึ้นมา

ในพิธีส่งมอบ Ola Källenius ซีอีโอหรือประธานคณะกรรมการบริหาร Mercedes-Benz Group AG กล่าวขอบคุณสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และเน้นย้ำถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ยั่งยืนของ Mercedes-Benz ว่า

“ด้วย Popemobile คันใหม่ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจะทรงเป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรกที่เดินทางด้วยรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบเมื่อทรงปรากฏตัวต่อสาธารณะ นี่เป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับบริษัทของเรา และขอขอบคุณพระองค์สำหรับความไว้วางพระทัย ด้วย Popemobile คันนี้ เราได้ส่งเสียงเรียกร้องให้มีการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและการลดการปล่อยคาร์บอนเพื่อก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างต่อเนื่อง”

โปรเจ็คนี้ใช้เวลาในการดำเนินการประมาณหนึ่งปี โดยทีมงานในโรม ในขณะที่ทีมงานในกราซได้ดัดแปลงระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ผู้เชี่ยวชาญจากซินเดลฟิงเกนผลิตตัวถัง อุปกรณ์ตกแต่งภายใน และอุปกรณ์สั่งทำพิเศษโดยใช้งานฝีมือระดับแฮนด์เมดแบบดั้งเดิม

รายละเอียดของรถยนต์ไฟฟ้า The new electric G-Class G580 EQ Technology

ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าของ G580 ใหม่ พร้อมเทคโนโลยี EQ (การใช้พลังงานรวม : 30.4-27.7 kWh/100 กม. | การปล่อย CO₂ รวมกัน : 0 กรัม/กม. | ระดับของ CO₂ : A) ได้รับการปรับแต่งพิเศษ เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ four near-wheel motors เพื่อวัตถุประสงค์พิเศษในการทำให้รถเคลื่อนที่ช้าๆ ด้วยความเร็วต่ำ ในที่สาธารณะ

ด้านหลัง เบาะนั่งถูกแทนที่ด้วยเบาะนั่งเดี่ยว วางตำแหน่งอยู่ตรงกลางรถ ตัวเบาะสามารถปรับระดับความสูงได้ หมุนได้ ทำให้สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างยืดหยุ่นและตอบสนองต่อผู้ชมจากมุมที่แตกต่างกัน ด้านหลังมีที่นั่งเดี่ยว 2 ที่นั่งอยู่ด้านซ้ายและขวาสำหรับผู้ติดตามพระสันตปาปา

หลังคาถูกถอดออก และเสา B ก็ถูกเปลี่ยนให้เข้ากับผนังด้านข้างอย่างกลมกลืนเพื่อสร้างโปรไฟล์ด้านข้างที่ไม่ผิดเพี้ยน ในกรณีที่มีฝนตกหรือมีสภาพอากาศเลวร้าย หลังคาแข็งที่ออกแบบให้ถอดแยกได้จะถูกนำมาติดตั้งเพื่อกันลมกันฝน ประตูด้านหลังด้านซ้ายถูกถอดออกและสร้างขึ้นใหม่ให้มีบันไดด้านหลังที่ต่ำในสไตล์รถโค้ชแบบดั้งเดิม และเชื่อมเข้ากับตัวถังรถอย่างไร้รอยต่อ ทางด้านขวามือ บานพับประตูหลังถูกย้ายไปอยู่ฝั่งตรงข้าม

เช่นเดียวกับ Popemobiles รุ่นก่อนๆ สีภายนอกจะใช้สีขาวมุกคลาสสิก (classic pearl white)

ประเพณีอันยาวนาน : ประวัติศาสตร์รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์และสำนักวาติกัน

เมอร์เซเดส-เบนซ์ผลิตรถยนต์สำหรับหัวหน้าคริสตจักรโรมันคาทอลิกเพื่อใช้ในการเดินทางและการปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนมาเกือบ 100 ปี คันแรกคือ Nürburg 460 Pullman Saloon สำหรับสมเด็จพระสันตะปาปา Pius XI ตั้งแต่ปี 1930 ต่อมาในปี 1960  John XXIII ได้รับ 300 Landaulet พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติและฐานล้อแบบขยาย ผู้สืบทอดของเขา Paul VI ในตอนแรกใช้ 600 Pullman Landaulet และต่อมาคือ 300 SEL และยังมี Landaulet อีกด้วย

ในช่วงทศวรรษ 1980 พระเจ้าจอห์น ปอล ที่ 2 ได้ใช้ยานพาหนะคันแรกที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า โปปโมบิล เป็นรุ่น 460 ซีรีส์ G ตั้งแต่ปี 2002 ใช้ซีรีส์ 463 G 500 โดยเบเนดิกต์ที่ 16 และฟรานซิสผู้สืบทอดตำแหน่งของเขาเช่นกัน รถยนต์ที่ออกแบบเป็นพิเศษซึ่งมีพื้นฐานมาจาก Mercedes-Benz M-Class และ GLE ก็ถูกนำมาใช้ในบางครั้ง

หลังจากครบวาระรถ Popemobiles บางส่วนก็ถูกนำไปจัดแสดงที่สำนักวาติกันและพิพิธภัณฑ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ในเมืองสตุ๊ตการ์ท

ในการนัดหมายนอกมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ครั้งนี้ ผู้ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาและสร้างรถโป๊ปโมบายคันใหม่ ทั้งนักออกแบบ ฝ่ายวิจัยและพัฒนา ฝ่ายผลิต ฝ่ายขายและการตลาด ได้รับเชิญให้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาเป็นการส่วนพระองค์ด้วย

“G-Class เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่โดดเด่นที่สุดของ Mercedes-Benz และเราภูมิใจที่สามารถพัฒนารถยนต์พระที่นั่ง ตามประเพณีนี้ G-Class รถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นแรกที่ผสมผสานความยั่งยืน การออกแบบที่หรูหรา และฟังก์ชันการใช้งานสูงสุด นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับเราที่สามารถนำเสนอยานพาหนะพิเศษนี้แก่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส” Gorden Wagener ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายออกแบบ Mercedes-Benz Group AG กล่าว

“วันนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ตอกย้ำความผูกพันอันลึกซึ้งระหว่าง Mercedes Benz Italy และวาติกันมานานกว่าครึ่งศตวรรษ ตามที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเน้นย้ำว่า ธุรกิจจะต้องเป็นส่วนสำคัญของชุมชน ดังนั้นจึงเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับเราที่ได้มีส่วนร่วมในโครงการพิเศษนี้ ในนามของครอบครัวใหญ่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศอิตาลี ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาอย่างจริงใจต่อองค์พระสันตปาปาเพื่อให้พระองค์มีความเป็นอยู่ที่ดี และขอให้สภาปกครองของพระองค์เจริญรุ่งเรืองต่อไป เราตั้งตารอถึงปีกาญจนาภิเษกที่ยอดเยี่ยม และเรามั่นใจว่า 'ปาปาโมบายของเรา' (our Papamobile) จะเป็นการสนับสนุนอันทรงค่าสำหรับองค์สมเด็จพระสันตะปาปาในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมายที่รอพระองค์อยู่” Marc Langenbrinck ฝ่ายขายรถยนต์ Mercedes-Benz ในอิตาลี และหัวหน้าฝ่ายขาย Mercedes-Benz ในอิตาลี กล่าว

“ฉันภูมิใจมากที่มีส่วนร่วมใน Popemobile ไฟฟ้าคันนี้ ตั้งแต่การร่างภาพครั้งแรกจนถึงการลงนามขั้นสุดท้าย งานของทีมโดดเด่นด้วยความหลงใหล ความเป็นมืออาชีพ และความเคารพต่องานนี้เป็นอย่างยิ่ง ยานพาหนะคันนี้แสดงถึงความทุ่มเทและความหลงใหลที่ต้องใช้แรงคนอย่างเหลือเชื่อ และยังเต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยอีก ความจริงที่ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสได้เชิญพวกเราบางคนให้มามอบสิ่งนี้เป็นการส่วนพระองค์นั้นยอดเยี่ยมมาก มันเป็นประสบการณ์ที่คุณจะนำไปบอกเล่าให้ลูกหลานฟัง” Klaus Millerferli วิศวกรฝ่ายพัฒนาของ Mercedes-Benz AG ในเมืองซินเดลฟิงเงน กล่าว

“ด้วย G-Class เราคุ้นเคยกับการทำงานกับหนึ่งในรถยนต์ Mercedes-Benz ที่เป็นตำนานและโดดเด่นที่สุดในแต่ละวัน การสร้างยานพาหนะสำหรับสมเด็จพระสันตะปาปาก็เป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับเราเช่นกัน ทีมงานทั้งหมดในกราซมีความสุขและภูมิใจมากที่วาติกันใช้ G ของเราอีกครั้ง” Peter Zotter วิศวกรฝ่ายพัฒนาของ Mercedes-Benz G GmbH ในเมืองกราซ กล่าว

 ที่มา : Mercedes-Benz