Last updated: 9 ต.ค. 2567 | 285 จำนวนผู้เข้าชม |
รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ หารือ โตโยต้า ผลักดันอุตสาหกรรมสีเขียว มุ่งเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างยั่งยืน ให้ความสำคัญมาตรฐานยูโร 6 และการจัดการรถยนต์ที่หมดอายุใช้งาน
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ประธานคณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการฯ และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม นายกฤศ จันทร์สุวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมหารือกับคณะผู้บริหารระดับสูงจากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด นำโดยนายกลินท์ สารสิน ประธานคณะกรรมการบริษัทฯ นายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และคณะผูบริหาร เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสรัฐมนตรีเข้ารับตำแหน่ง พร้อมทั้งหารือเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ณ ห้องประชุม ชั้น 19 สำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567
การประชุมครั้งนี้ คณะผู้บริหารโตโยต้าได้แสดงความสนใจต่อนโยบายที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการทบทวนกรอบเวลาการบังคับใช้มาตรฐานยูโร 6 ซึ่งเป็นมาตรฐานสำคัญในการลดการปล่อยมลพิษ และการจัดการรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งาน (End of Life Vehicle) เพื่อให้การจัดการขยะยานยนต์เป็นไปอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ กล่าวว่า “ผมขอขอบคุณท่านประธาน นายกลินท์ สารสิน และคณะผู้บริหารโตโยต้าที่ให้เกียรติมาร่วมแสดงความยินดี การสนับสนุนและความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับแนวคิดอุตสาหกรรมสีเขียว ซึ่งเน้นการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”
นอกจากนี้ รัฐมนตรีฯ ยังได้เน้นถึงความสำคัญของมาตรฐานยูโร 6 ว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการลดมลพิษจากยานยนต์และการขนส่ง ซึ่งประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและมาตรฐานสากล รวมทั้งการจัดการรถยนต์ที่หมดอายุการใช้งานเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่ช่วยลดขยะและนำวัสดุต่าง ๆ กลับมาใช้ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
การหารือครั้งนี้ถือเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน รองรับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงของตลาดยานยนต์ในอนาคต
ที่มา : กระทรวงอุตสาหกรรม