Last updated: 20 ก.ย. 2567 | 304 จำนวนผู้เข้าชม |
บริดจสโตนผู้นำระดับโลกด้านยางพรีเมียมและโซลูชั่นด้านการเดินทางอย่างยั่งยืนได้รับเลือกจาก Audi ให้พัฒนายางมาตรฐานติดรถยนต์ไฟฟ้าในตระกูล Audi e-tron GT โฉมใหม่ ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการสานต่อความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งระหว่างบริดจสโตนและ Audi โดยรถยนต์ของ Audi ทุกๆ หนึ่งในห้าคันที่ผู้ผลิตดำเนินการขายทั่วโลกจะได้รับการติดตั้งยางบริดจสโตน และในฐานะพันธมิตรที่น่าเชื่อถือและการพัฒนายางของบริดจสโตนจึงตอบโจทย์ “สมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้า Audi e-tron GT ได้อย่างลงตัว”
ยางพรีเมียม Bridgestone Potenza Sport ได้รับการพัฒนาเพื่อเสริมสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้า Audi e-tron GT โฉมใหม่ โดยยาง Bridgestone Potenza Sport ได้รับการรับรองการเป็นยางมาตรฐานระดับโลกและผ่านการทดสอบที่เข้มงวดจาก Audi ในการส่งมอบประสิทธิภาพที่เหนือชั้นให้กับรถยนต์ไฟฟ้าล่าสุดของ Audi ในรุ่น S ถึง RS ทั้งยังช่วยส่งมอบความปลอดภัยและความยั่งยืน
ยาง Bridgestone Potenza Sport เป็นยางของบริดจสโตนรุ่นแรกที่ผลิตออกมาในปริมาณมากด้วยวัสดุรีไซเคิลและวัสดุทดแทนถึง 55% ในกระบวนการผลิต โดยได้รับการรับรองจาก International Sustainability and Carbon Certification (ISCC) PLUS
นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับในระดับเกรด A ของสหภาพยุโรป (EU) ด้านประสิทธิภาพความต้านทานการหมุนซึ่งช่วยเพิ่มระยะทางของรถยนต์ไฟฟ้า Audi e-tron GT ได้ถึง 500 กิโลเมตร ทั้งยังมอบความปลอดภัยและการควบคุมให้กับผู้ขับขี่โดยได้รับการจัดอันดับ ในระดับ A จากสหภาพยุโรปด้านการยึดเกาะบนถนนเปียก ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพการตอบสนองของพวงมาลัยที่แม่นยำให้กับรถยนต์ไฟฟ้า Audi e-tron GT ขณะขับขี่ในโหมดสปอร์ต
ยาง Bridgestone Potenza Sport ได้รับการออกแบบลายดอกยางด้วยเอกสิทธิ์เฉพาะของบริดจสโตน รวมถึงเทคโนโลยีที่ช่วยเสริมความแข็งแรง และโครงสร้างของยางที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า Audi e-tron GT ซึ่งยางพรีเมียมรุ่นนี้ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการควบคุม สมรรถนะ และความนุ่มนวลในการขับขี่
Robin Stettner วิศวกรพัฒนายางที่ AUDI AG กล่าวว่า “ด้วยกำลังสูงสุดถึง 925 แรงม้า จึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้า Audi RS e-tron GT เป็นรถที่มีความเร็วสูงซึ่งได้รับการปรับแต่งมาเพื่อการขับขี่ในโหมดสปอร์ต ด้วยสมรรถนะดังกล่าวและการตอบสนองต่อมาตรฐานคุณภาพความปลอดภัยและความยั่งยืนของเรา ผลิตภัณฑ์ Bridgestone Potenza Sport จึงเป็นยางที่ตอบโจทย์ให้กับรถยนต์ไฟฟ้าของเราได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
พัฒนายางบนพื้นฐานของความยั่งยืน
ยางพรีเมียม Bridgestone Potenza Sport ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยี ENLITEN ของบริดจสโตน เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติด้านความยั่งยืนและเพื่อการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบโดยไม่ลดทอนความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพการใช้งาน เทคโนโลยี ENLITEN ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและการใช้วัสดุหมุนเวียน การใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุทดแทน ซึ่งแพลตฟอร์มเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ทำให้บริดจสโตนสามารถตอบสนองความต้องการของรถยนต์ไฟฟ้า เช่น Audi e-tron GT รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การควบคุมอย่างเหนือชั้น รวมถึงการลดเสียงรบกวนในขณะขับขี่
นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมของบริดจสโตนในการผสมผสานความยั่งยืนและประสิทธิภาพของยาง Bridgestone Potenza Sport รุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในเส้นทางของบริษัทสู่การใช้วัสดุที่ยั่งยืน 100% ภายในปี พ.ศ. 2593 4พ.ศ. 2593
ยาง Bridgestone Potenza Sport ได้รับการพัฒนาขึ้นในยุโรปมีขนาด 265/35 R21 101XL Y (ล้อหน้า) และ 305/30 R21 104XL Y (ล้อหลัง) ยางพรีเมียมรุ่นดังกล่าวนี้จะถูกผลิตในโรงงานที่ทันสมัยของบริดจสโตนใกล้กรุงโรม ประเทศอิตาลี ซึ่งได้รับการรับรอง ISCC PLUS ในปี พ.ศ. 2565 โรงงาน Roma แห่งนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 50001 ด้านการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้กระบวนการผลิตยางทั้งหมดของโรงงานยังเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้า 100% โดยไฟฟ้าทั้งหมดมาจากแหล่งพลังงานทดแทน 5 ซึ่งยังถือเป็นการสนับสนุนด้านเป้าหมายความยั่งยืนของบริดจสโตน
เกี่ยวกับบริดจสโตน ประเทศไทย
บริดจสโตน ผู้นำระดับโลกด้านยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาง พร้อมนำเสนอโซลูชั่นด้านการเดินทางที่ปลอดภัยและยั่งยืน สำหรับประเทศไทย บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด คือหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการนำเข้า จัดจำหน่าย และทำการตลาดยางรถยนต์ภายใต้แบรนด์บริดจสโตน, ไฟร์สโตน และเดย์ตันแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย บริดจสโตนเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ตัวแทนจำหน่าย และพันธมิตรทางธุรกิจ เรานำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์พรีเมียมที่หลากหลายและโซลูชั่นขั้นสูงซึ่งพัฒนาจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาการเดินทาง, การใช้ชีวิต, การทำงาน และการพักผ่อนของผู้คนทั่วโลก
ที่มา: บริดจสโตน ประเทศไทย