Last updated: 30 ส.ค. 2567 | 336 จำนวนผู้เข้าชม |
KIAT จับมือ UAC ลงนาม MoU ร่วมพัฒนาตลาดขนส่งด้วย eTruck ใน สปป. ลาว เผยเริ่มต้นใช้รถบรรทุกไฟฟ้า 10 คัน รับงานขน RDF จำนวน 4,500 ตันต่อเดือน อนาคตเตรียมนำแนวทางนี้มาใช้ในไทย
บมจ. เกียรติธนา ขนส่ง หรือ KIAT ลงนามบันทึกข้อตกลง (MoU) กับ บมจ. ยูเอซี โกลบอล (UAC) ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) เพื่อรับงานขนส่งเชื้อเพลิงขยะมูลฝอย (RDF – Refuse Derived Fuel) ด้วยรถบรรทุกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (eTruck) จาก Vientiane Waste Management Company Limited (VWM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ UAC ในนครลวงเวียงจันทร์
นางสาวมินตรา มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ KIAT เปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆ นี้ ทั้ง KIAT และ UAC ได้มีพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง KIAT และ UAC ที่ประเทศ สปป.ลาว โดย KIAT จะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 70 และ UAC จะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 30 คาดว่าจะสามารถจดทะเบียนบริษัทร่วมทุนได้เสร็จภายในไตรมารที่ 4 นี้
“การดำเนินธุรกิจขนส่งใน สปป. ลาว ครั้งนี้ ถือเป็นการพัฒนาธุรกิจครั้งสำคัญของ KIAT ใน สปป. ลาว และเรามีความเชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์ธุรกิจขนส่งมากกว่า 30 ปี จะสามารถพัฒนาธุรกิจในต่างแดนให้เติบโตได้อย่างแข็งแรงเพราะเรามีพันธมิตรร่วมทุนที่แข็งแรงและเริ่มต้นด้วยการรับงานที่แน่นอนและชัดเจน”
นางสาวมินตรา กล่าวว่าแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจใน สปป. ลาว ขณะนี้ยังไม่เติบโตเท่าที่ควร แต่บริษัทร่วมทุนจะรับงานขนส่ง RDF จาก VWM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ UAC ที่บริหารโครงการจัดการขยะเพื่อผลิตพลังงานทดแทนและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ โดยบริษัทร่วมทุนจะดำเนินการขน RDF จากโรงงานจัดการขยะไปยังโรงงานปูนซิเมนต์ SCG คำม่วน ซึ่งเป็นโรงงานผลิตปูนซิเมนต์ในเครือ SCG
“เศรษฐกิจของ สปป. ลาว ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ธุรกิจ RDF เป็นเชื้อเพลิงที่มีความต้องการสูงใน สปป. ลาว และมีลูกค้าที่ชัดเจน และที่สำคัญ เราใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐในการทำธุรกิจที่ สปป. ลาว” นางสาวมินตรา กล่าว
ทางด้านนายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ UAC กล่าวว่าการเริ่มต้นด้วยการรับงานจาก VWM ด้วยรถบรรทุกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าหรือ eTruck จำนวน 10 คันเพื่อขน RDF จำนวน 4,500 ตันต่อเดือน ถือเป็นการตอบโจทย์ของทุกฝ่ายที่กำลังขับเคลื่อนในการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน (Sustainability) โดย UAC เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานหมุนเวียน ขณะที่ KIAT เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารกิจการขนส่ง ที่สำคัญบริษัทร่วมทุนนี้มีแผนงานในการขยายธุรกิจใน สปป. ลาว โดยจะขยายเครือข่ายธุรกิจขนส่งให้แก่บริษัทอื่น ๆ ใน สปป. ลาว ด้วย
“การใช้ eTruck ก็เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากต้นทุนพลังงานไฟฟ้าใน สปป. ลาวที่มีราคาต่ำกว่าไทย อีกทั้งเรารวมถึงลูกค้าของเรา มีเป้าหมายที่จะใช้พลังงานสะอาดเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจของโลกธุรกิจยุคใหม่” นายชัชพล กล่าว
สำหรับการจัดหารถ eTruck จำนวน 10 คันนั้น จะเร่งดำเนินการภายหลังจัดตั้งบริษัทร่วมทุนสำเร็จ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาสเป็ครถที่เหมาะสม ที่ผ่านมาบริษัทฯได้มีการศึกษาทางเลือกด้านพลังงานทุกทางเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการบริหารต้นทุนขนส่งที่ดีที่สุด และตอบโจทย์ความต้องการให้ตรงจุดที่สุดมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น eTruck จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ ทั้งนี้การบริหารรถ eTruck จำนวน 10 คันที่ สปป. ลาว ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี และคุ้มค่า หากประสบความสำเร็จ ย่อมสามารถนำแนวทางนี้มาทดลองใช้กับลูกค้าที่ประเทศไทยในอนาคตได้ด้วย”
นายชัชพล กล่าวเพิ่มเติมว่าบริษัทร่วมทุนนี้ ถือเป็นการนำจุดแข็งของทั้ง UAC และ KIAT มาผนึกร่วมกันโดย UAC มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงานหมุนเวียน และมีเครือข่ายลูกค้าที่ สปป. ลาว ในขณะที่ KIAT มีประสบการณ์ด้านธุรกิจโลจิสติกส์ยาวนานกว่า 30 ปี โอกาสทางธุรกิจใน สปป. ลาว ยังมีอีกมาก ซึ่งบริษัทร่วมทุนนี้จะสามารถรองรับกับความต้องการด้านโลจิสติกส์ใน สปป. ลาว ในอนาคตได้
ที่มา: 24 คูณ 7
3 ก.ย. 2567