X

ตลาด xEV ก.ค. 2567 กวาดยอดขาย 17,243 คัน เติบโตขึ้น 41.4%

Last updated: 30 ส.ค. 2567  |  206 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ตลาด xEV ก.ค. 2567  เติบโตขึ้น 41.4%

โตโยต้าเผยตลาด xEV เดือนกรกฎาคม 2567  มียอดขาย 17,243 คัน คิดเป็นสัดส่วน 37.2% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 41.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว รถยนต์ HEV เติบโตขึ้น 44.3% ด้วยยอดขาย 9,203 คัน ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 7,265 คัน เพิ่มขึ้น 48%

ประเด็นสำคัญ

  • ตลาดรถยนต์เดือนกรกฎาคม 2567 มียอดขาย 46,394 คัน ลดลง 20.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดรถยนต์นั่งชะลอตัวที่ 26.4% ด้วยยอดขาย 16,571 คัน ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวเช่นกันที่ 16.9% ด้วยยอดขาย 29,823 คัน และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ชะลอตัว ด้วยยอดขาย 16,125 คัน ลดลง 35.5% ในส่วนของตลาด xEV มียอดขายทั้งหมด 17,243 คัน คิดเป็นสัดส่วน 37.2% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 41.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดขายรถยนต์ HEV เติบโตขึ้น 44.3% ด้วยยอดขาย 9,203 คัน ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 7,265 คัน เพิ่มขึ้น 48%

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนกรกฎาคม 2567 ยอดขายตลาดรวม 46,394 คัน ลดลง 20.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์นั่งมีปริมาณการขาย 16,571 คัน ลดลง 26.4% ในขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีปริมาณการขาย 29,823 คัน ลดลง 16.9% และรถกระบะขนาด 1 ตัน ยอดขายทั้งหมด 16,125 คัน ลดลง 35.5%

ตลาดรถยนต์เดือนสิงหาคม มีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นจากเดือนกรกฎาคม แต่ยังคงเติบโตลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน และสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งนี้ การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่และโปรโมชั่นพิเศษจากหลากหลายค่ายรถยนต์ ภายในงาน “BIG MOTOR SALE 2024” อาจมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค และอาจเป็นผลให้ยอดขายเติบโตขึ้นเล็กน้อย

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกรกฎาคม 2567

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 46,394 คัน ลดลง 20.6%                        

อันดับที่ 1 โตโยต้า      17,786 คัน      ลดลง   12.9%           ส่วนแบ่งตลาด   38.3%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           6,784 คัน       ลดลง   42.2%           ส่วนแบ่งตลาด   14.6%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า      5,442 คัน       ลดลง   27.9%           ส่วนแบ่งตลาด   11.7%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 16,571 คัน ลดลง 26.4%                                 

อันดับที่ 1 โตโยต้า      5,313 คัน       ลดลง     34%            ส่วนแบ่งตลาด   32.1%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า       2,623 คัน       ลดลง   46.7%           ส่วนแบ่งตลาด   15.8%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ      1,083 คัน       ลดลง    0.3%            ส่วนแบ่งตลาด   6.5%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 29,823 คัน ลดลง 16.9%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า      12,473 คัน      เพิ่มขึ้น   0.8%           ส่วนแบ่งตลาด   41.8%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           6,784 คัน       ลดลง   42.2%           ส่วนแบ่งตลาด   22.7%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า      2,819 คัน       เพิ่มขึ้น  7.2 %           ส่วนแบ่งตลาด   9.5%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 16,125 คัน ลดลง 35.5%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า        7,369 คัน      ลดลง      27%           ส่วนแบ่งตลาด   45.7%

อันดับที่ 2 อีซูซุ             5,843 คัน      ลดลง   42.9%           ส่วนแบ่งตลาด   36.2%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด          1,947 คัน      ลดลง   29.3%            ส่วนแบ่งตลาด   12.1%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 2,958 คัน

อีซูซุ 1,160 คัน - โตโยต้า 933 คัน – ฟอร์ด 759 คัน – มิตซูบิชิ 91 คัน – นิสสัน 15 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 13,167 คัน ลดลง 35.2%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า         6,436 คัน     ลดลง   22.6%            ส่วนแบ่งตลาด   48.9%

อันดับที่ 2 อีซูซุ             4,683 คัน     ลดลง   45.2%           ส่วนแบ่งตลาด   35.6%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด          1,188 คัน      ลดลง   34.7%            ส่วนแบ่งตลาด       9%     

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2567

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 354,421 คัน ลดลง 23.7%                              

อันดับที่ 1 โตโยต้า      134,064 คัน     ลดลง   14.8%          ส่วนแบ่งตลาด   37.8%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           53,044 คัน     ลดลง    45.9%          ส่วนแบ่งตลาด     15%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า      48,941 คัน     ลดลง    8.8%           ส่วนแบ่งตลาด   13.8%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 135,897 คัน ลดลง 20.3%                                

อันดับที่ 1 โตโยต้า      38,577 คัน      ลดลง   34.7%           ส่วนแบ่งตลาด   28.4%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า      27,253 คัน      ลดลง    22.9%          ส่วนแบ่งตลาด   20.1%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ      10,970 คัน      เพิ่มขึ้น    2.9%           ส่วนแบ่งตลาด   8.1%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 218,524 คัน ลดลง 25.7%                    

อันดับที่ 1 โตโยต้า      95,487 คัน      ลดลง     2.8%           ส่วนแบ่งตลาด   43.7%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           53,044 คัน      ลดลง   45.9%            ส่วนแบ่งตลาด   24.3%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า      21,688 คัน      เพิ่มขึ้น  18.3%           ส่วนแบ่งตลาด    9.9%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*)

ปริมาณการขาย 124,562 คัน ลดลง 40.1%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      57,058 คัน      ลดลง   29.2%           ส่วนแบ่งตลาด   45.8 %

อันดับที่ 2 อีซูซุ           46,436 คัน      ลดลง   47.7%           ส่วนแบ่งตลาด   37.3%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        13,229 คัน      ลดลง   42.2%           ส่วนแบ่งตลาด   10.6%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 21,814 คัน

โตโยต้า 7,914 คัน - อีซูซุ 7,089 คัน - ฟอร์ด 5,022 คัน – มิตซูบิชิ 1,543 คัน – นิสสัน 246 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 102,748 คัน ลดลง 39.6%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      49,144 คัน      ลดลง  26.8%             ส่วนแบ่งตลาด   47.8%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          39,347 คัน      ลดลง  47.7%            ส่วนแบ่งตลาด   38.3%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        8,207 คัน       ลดลง  47.6%             ส่วนแบ่งตลาด      8%

ที่มา : โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้