Last updated: 6 ก.ค. 2567 | 1101 จำนวนผู้เข้าชม |
ปรากฏการณ์ TAXI EV ร้อนแรง ครองส่วนแบ่งยอดจดทะเบียนรถแท็กซี่ป้ายแดง 5 เดือนแรกของปี 2567 มากถึง 62% ทั้งๆที่เมื่อปี 2564 ยังมีแค่ 1% โอกาสเติบโตเปิดกว้างเพราะแท็กซี่ไฟฟ้ามีเพียง 2% ของรถแท็กซี่ทั้งหมดเฉียดแสนคัน
ศูนยฺวิจัยกสิกรไทยออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับตลาดรถแท็กซี่ไฟฟ้าล่าสุด แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของยอดจดทะเบียนรถแท็กซี่ไฟฟ้าในประเทศไทย โดย 5 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค.-พ.ค.) มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 1,327 คัน คิดเป็น 62% ของยอดจดทะเบียนรถแท็กซี่ป้ายแดงรวม
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ให้เห็นว่า รถแท็กซี่ไฟฟ้า (EV) กำลังเข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าตลาดรถแท็กซี่ในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ จากปี 2564 ที่มีสัดส่วนเพียง 1% เท่านั้น ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของรถแท็กซี่ไฟฟ้าในหมู่ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่รถแท็กซี่
ตลาดรวมหดตัว แต่โอกาสยังเปิดกว้าง
แม้ว่ารถแท็กซี่ไฟฟ้าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมของตลาดรถแท็กซี่กลับมีแนวโน้มหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 มียอดขายรถแท็กซี่ป้ายแดงเพียง 1,327 คัน ลดลงจาก 1,804 คันในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และลดลงจาก 14,367 คันในปี 2561
สาเหตุของการหดตัวนี้อาจมาจากปัจจัยหลายประการ เช่น การเติบโตของบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน และผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างไรก็ตาม การหดตัวของตลาดนี้ไม่ได้หมายความว่าโอกาสสำหรับรถแท็กซี่ไฟฟ้าจะลดลง ในทางกลับกัน รถแท็กซี่ไฟฟ้ามีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 2% ของรถแท็กซี่ทั้งหมดในประเทศไทย
การเติบโตของรถแท็กซี่ไฟฟ้าเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ อาทิ
นโยบายภาครัฐ : รัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างชัดเจน ทั้งในด้านภาษีและสิทธิประโยชน์อื่นๆ
ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม : ผู้บริโภคมีความตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าที่ปล่อยมลพิษน้อยกว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
ต้นทุนการใช้งานที่ต่ำกว่า : รถแท็กซี่ไฟฟ้ามีต้นทุนการใช้งานที่ต่ำกว่ารถแท็กซี่ที่ใช้น้ำมัน เนื่องจากค่าไฟฟ้าที่ถูกกว่าและการบำรุงรักษาที่น้อยกว่า
เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น : แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้นและราคาถูกลง ทำให้รถแท็กซี่ไฟฟ้ามีระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้นและราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ด้วยปัจจัยสนับสนุนเหล่านี้ คาดว่ารถแท็กซี่ไฟฟ้าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่แท็กซี่ที่ลงทุนในรถแท็กซี่ไฟฟ้าตั้งแต่วันนี้มีโอกาสที่จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของตลาดนี้ และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ เช่น การขาดแคลนสถานีชาร์จไฟฟ้า และราคาของรถ TAXI EV ที่ยังคงสูงกว่ารถแท็กซี่ที่ใช้น้ำมัน ซึ่งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาเหล่านี้เพื่อส่งเสริมการใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้าอย่างยั่งยืน
สัดส่วนรถ Taxi น้ำมัน และ Taxi ไฟฟ้า
2564 99% 1%
2565 92% 8%
2566 78% 22%
2567 (ม.ค.-พ.ค.) 38% 62%
ยอดจดทะเบียนรถแท็กซี่ป้ายแดง (คัน)
2561 14,367
2562 7,334
2563 3,129
2564 361
2565 691
2566 1,804
2567 (ม.ค.-พ.ค.) 1,327
ผู้ประกอบการรถแท็กซี่ไฟฟ้า : ออโต้ ไดรฟ์ อีวี , แอรอน ออโต้ , ออโต้ดีล , เอ็มทีไอ กรุ๊ป บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด , อีวี มี พลัส
สหกรณ์รถแท็กซี่ที่หันมาใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้า : สหกรณ์แท็กซี่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำกัด สหกรณ์แท็กซี่ท่าอากาศยานดอนเมือง จำกัด สหกรณ์แท็กซี่ท่าเรือ สหกรณ์แท็กซี่ท่าเรือแหลมฉบัง จำกัด สหกรณ์แท็กซี่ภูเก็ต (กำลังศึกษาการเปลี่ยนมาใช้รถแท็กซี่ไฟฟ้า แต่มีบริการเรียกรถแท็กซี่ไฟฟ้าของอีวี มี พลัส ที่ภูเก็ต)
แอพพลิเคชั่นเรียกรถแท็กซี่ไฟฟ้า มีมากกว่า 10 แอปพลิเคชั่น เช่น Grab , Bolt , Get , Gojek, MuvMi , FinnFinn , Easy Taxi , Lazada Taxi , Evme , Finnomena , Taloo , MuvMi (รถตุ๊กต๊กไฟฟ้าระบบคาร์แชริ่ง)
ความเป็นไปได้ของธุรกิจ : มีแนวโน้มเติบโตสูง / ได้รับการสนับสนุนโดยนโยบายภาครัฐ / ต้นทุนการใช้งานต่ำกว่าแท็กซี่ทั่วไป / ดีต่อสิ่งแวดล้อม
ความท้าทาย : ราคาท่ียังสูง จำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้ายังไม่ครอบคลุมเพียงพอ ผู้บริโภคบางส่วนยังไม่คุ้นเคย
ความนิยม : เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ผู้บริโภคชื่นชอบความสะดวกสบาย เงียบสงบ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ตลาด TAXI EV น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการและผู้ขับขี่แท็กซี่ เพราะจำนวนรถแท็กซี่ไฟฟ้ามีเพียง 2% ของรถแท็กซี่กว่าแสนคันที่วิ่งอยู่ทั่วประเทศ
ที่มา : ศูนยฺวิจัยกสิกรไทย