Last updated: 16 มิ.ย. 2567 | 1248 จำนวนผู้เข้าชม |
ไอ-มอเตอร์ เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าพรีเมียม 2 รุ่น THUNDER และ THUNDER Croz ขุมพลัง 3,000 วัตต์ วิ่งได้ไกลกว่า 110 กิโลเมตร เคาะราคาที่ 59,000-64,000 บาท ตั้งเป้ายอดขาย 770 ล้านบาท พร้อมประกาศบุกตลาดอาเซียน สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ลาว และศรีลังกา
นายปรีชา ประเสริฐถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เปิดเผยว่า ไอ-มอเตอร์ เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าพรีเมียมรุ่นใหม่ล่าสุด THUNDER : The Ultimate EV Bike นวัตกรรมมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ขุมพลัง 3,000 วัตต์ เทคโนโลยีโครงสร้างอัจฉริยะ “MPF Mark II” ที่แข็งแกร่ง สามารถขับขี่ได้ไกลกว่า 110 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ทำความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม. สามารถหยุดรถอย่างมั่นใจด้วยระบบเบรก CBS Proactive Suspension (Combined Breaking System)
มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่น THUNDER ถูกออกแบบและพัฒนาโครงสร้างรถให้มีจุดศูนย์ถ่วงและการกระจายน้ำหนักของตัวรถอย่างมีเสถียรภาพ ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ ขับขี่ได้ทุกสภาพถนน เทียบเท่ากับมอเตอร์ไซค์ที่ใช้น้ำมัน และสามารถเพิ่มการชาร์จแบตเตอร์รี่ให้ได้เร็วขึ้นกว่า 3 เท่า มีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่น คือ THUNDER ราคาเริ่มต้น 59,000 บาท และ รุ่น THUNDER Croz ราคาเริ่มต้น 64,500 บาท (เป็นราคาที่หักเงินสนับสนุนจากรัฐบาลแล้ว)
ทางบริษัทมีการรับประกันโครงสร้างรถ 10 ปี , แบตเตอรี่ 5 ปี , Body Parts 3 ปี , ECU และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ปี , หน้าจอและชาร์จเจอร์ 1 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร พร้อมบริการหลังการขายด้วยทีมช่างมืออาชีพ รับประกันอะไหล่แท้และราคาเดียวกันทั่วประเทศ
นายปรีชา กล่าวว่านอกจากการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นใหม่แล้ว ไอ-มอเตอร์ฯยังได้ประกาศความพร้อมเดินหน้าบุกตลาดอาเซียนเต็มรูปแบบ โดยได้มีการเซ็นสัญญากับผู้แทนจำหน่ายในประเทศสิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ลาว และศรีลังกา ตั้งเป้าภายใน 2 ปีจะวิจัยและพัฒนามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าออกสู่ตลาดอย่างน้อย 2-3 รุ่น และในปลายนี้ได้เตรียมส่งรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าออกจำหน่ายในประเทศกลุ่มยุโรปอีกด้วย
ไอ-มอเตอร์ฯ เป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบรนด์แรกของคนไทย ผลิตจากโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยและอาเซียน การันตีคุณภาพโดยบริษัทแม่ คือ บริษัท นิวสมไทยมอเตอร์เวอร์ค จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในการผลิตชิ้นส่วนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมทั้งมอเตอร์ไซค์แบรนด์ญี่ปุ่นมามากกว่า 60 ปี และบริษัท จินป่าว พรีซิชั่น อินดัสทรี่ จำกัด ผู้พัฒนาและผลิตซอฟต์แวร์ติดตั้งใน ไอ-มอเตอร์ รวมถึงในอุตสาหกรรมอากาศยานและยานยนต์มานานกว่า 40 ปี
“ประสบการณ์ที่ยาวนานของกลุ่มบริษัทพันธมิตรในเครือทำให้ ไอ-มอเตอร์ มีความพร้อมในด้าน Know-How , ทีม R&D ที่มีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง, ทีมวิศวกรที่มีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีและเครื่องจักรในการผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทำให้บริษัทมีความพร้อมปฏิวัติมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าให้มีสมรรถนะการขับขี่เทียบเท่ามอเตอร์ไซค์น้ำมัน ทั้งในด้านมาตรฐานการผลิต ชิ้นส่วน บริการหลังการขายพร้อมอะไหล่มาตรฐานที่ใช้ทดแทนกันได้ และความปลอดภัยตามมาตรฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ในระดับสากล ด้วยราคาที่เหมาะสมเข้าถึงผู้ขับขี่ทุกกลุ่ม” นายปรีชา กล่าวอย่างมั่นใจ
ขณะที่ นายคมค์ปภัส จารุวิสินวงษ์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไอ-มอเตอร์แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ได้กล่าวถึงกลยุทธ์ในการทำตลาดของบริษัทฯ ว่า ไอ-มอเตอร์ มีเป้าหมายผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าให้มีสมรรถนะเทียบเท่ากับรถมอเตอร์ไซค์น้ำมัน โดยให้ความสำคัญใน 3 ส่วนหลัก คือ
1.ผลิตภัณฑ์ ที่ได้การรับรอง และเป็นที่ยอมรับในตลาดสากล เช่น UNR136 , R78 , E-Mark , ISO 9001-2015 และการรับรองจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยให้ใช้โลโก้และคำว่า “Made in Thailand” ได้เป็นรายแรก และรายเดียวของไทย รวมถึงงานดีไซน์ที่เน้นความแตกต่างและสีสันที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์การขับขี่ในชีวิตประจำวัน การเดินทางท่องเที่ยว และผู้ประกอบการที่ใช้ขนส่ง-บรรทุกสินค้าได้อย่างมั่นใจ
2. พันธมิตรทางธุรกิจ การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับตัวแทนจำหน่าย และซัพพลายเออร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการให้ความสำคัญและความร่วมมือในการพัฒนาเพื่อความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน
3. ลูกค้า “Family Marketing” คือ กลยุทธ์ที่ ไอ-มอเตอร์ เลือกใช้ โดยเริ่มต้นตั้งแต่การผลิตสินค้าดีที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากลตอบโจทย์การใช้งาน พร้อมบริการหลังการขายมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและความประทับใจ สร้างการบอกต่อในกลุ่มผู้ใช้ด้วยกันเอง
นายคมค์ปภัส กล่าวอีกว่า เรามุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานสากล เพื่อตอบโจทย์ทุกการใช้งาน รวมถึงบริการหลังการขายด้วยทีมงานมืออาชีพ เพื่อสร้างประสบการณ์ และความประทับใจในสินค้าและบริการ เพราะเชื่อว่าหากสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ มีบริการหลังการขายที่ดี ลูกค้าก็จะบอกต่อและทำให้เกิดฐานลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี”
“ในปี 2567 นี้ ไอ-มอเตอร์ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 12,000 คัน หรือ ประมาณ 770 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดพรีเมียมประมาณ 20% ตลาดแมส 80% และมีสัดส่วนขายในประเทศประมาณ 85% ส่งออกไปต่างประเทศ 15%” นายคมค์ปภัส กล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-855-396-070 หรือติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ได้ที่ www.imotorthailand.com หรือ www.facebook.com/imotorthailandbkk