X

บีโอไออนุมัติ Chery ตั้งฐานผลิตรถ EV ในไทย เตรียมเปิดตัว OMODA C5 EV JAECOO 6 EV JAECOO 7 PHEV และ JAECOO 8 PHEV กลางปีนี้

Last updated: 22 เม.ย 2567  |  850 จำนวนผู้เข้าชม  | 

บีโอไออนุมัติ Chery ตั้งฐานผลิตรถ EV ในไทย เตรียมเปิดตัว OMODA C5 EV JAECOO 6 EV JAECOO 7 PHEV และ JAECOO 8 PHEV กลางปีนี้

บีโอไอ อนุมัติ Chery ตั้งฐานผลิตรถ EV พวงมาลัยขวาในไทย ภายใต้ชื่อ “โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย)” เล็งตั้งโรงงานในจังหวัดระยอง เตรียมผลิตรถ BEV และ HEV เฟสแรก 50,000 คัน เฟสที่สอง 80,000 คัน ล่าสุดเตรียมนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า OMODA C5 EV ตามด้วย เอสยูวี ออฟโรดรุ่น JAECOO 6 EV, JAECOO 7 PHEV และ JAECOO 8 PHEV กลางปีนี้

บีโอไอ เผยผลสำเร็จการดึง Chery บริษัทรถยนต์ชั้นนำระดับโลกจากประเทศจีน เข้ามาลงทุนในไทยเป็นรายล่าสุด หลังจากหารือกันกว่า 2 ปี โดยเตรียมจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในไทยกลางปีนี้ เพื่อทดลองตลาด พร้อมตั้งฐานโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย เริ่มผลิตปี 2568 เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ ที่ใช้พวงมาลัยขวา เสริมแกร่งอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ผลจากความพยายามในการดึงการลงทุนจากบริษัท Chery Automobile ให้เข้ามาตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ได้ประสบความสำเร็จตามแผนที่หารือกัน โดยบริษัท Chery ซึ่งเป็นผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ของจีนและเป็นผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก ที่มียอดการส่งออกรถยนต์เป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง 21 ปี ในปี 2566 Chery มียอดส่งออกกว่า 1.8 ล้านคัน ได้ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชนิดพวงมาลัยขวา เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง โดยโครงการนี้ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอในกิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา  

สำหรับแผนการลงทุนของบริษัท Chery Automobile ในประเทศไทย จะดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อบริษัท “โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย)” ซึ่ง OMODA และ JAECOO เป็นแบรนด์ของ Chery สำหรับทำตลาดในต่างประเทศ โดยจะตั้งโรงงานที่จังหวัดระยอง ในเฟสแรก ภายในปี 2568 จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบ BEV และ HEV ปีละประมาณ 50,000 คัน และในเฟสที่ 2 ภายในปี 2571 จะขยายกำลังการผลิตถึงปีละ 80,000 คัน ทั้งนี้ ในช่วงเริ่มต้น บริษัทจะนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก OMODA C5 EV ซึ่งเป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์ เอสยูวี ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% มาจำหน่ายเพื่อทดลองตลาด ตามมาด้วยรถยนต์พรีเมียม เอสยูวี ออฟโรดรุ่น JAECOO 6 EV, JAECOO 7 PHEV และ JAECOO 8 PHEV พร้อมเปิดโชว์รูม 39 แห่ง ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค

“การตัดสินใจลงทุนตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยของบริษัท Chery ครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นของประเทศไทย ก่อนหน้านี้มีค่ายรถยนต์รายใหญ่จากจีนได้เข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยแล้ว 7 ราย ประกอบด้วย BYD, MG, Great Wall Motor, Changan Automobile, GAC Aion, NETA และ Foton กรณีของ Chery เป็นรายที่ 8 เป็นการตอกย้ำให้เห็นภาพชัดเจนว่า กลุ่มบริษัทรถยนต์ชั้นนำระดับโลกจากประเทศจีน ได้ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลักในภูมิภาคสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวา แสดงถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทย รวมทั้งมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ” นายนฤตม์ กล่าว 

ทั้งนี้ สำนักงานบีโอไอที่ประเทศจีนได้เริ่มหารือกับบริษัท Chery ตั้งแต่ปี 2564 จากนั้นได้มีการพบปะหารือ และให้ข้อมูลกับทีมงานของบริษัทเป็นระยะ ๆ ต่อมาเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 เลขาธิการบีโอไอ ได้เดินทางไปพบผู้บริหารระดับสูงของบริษัท Chery ที่ประเทศจีน โดยได้นำเสนอมาตรการสนับสนุนใหม่ ๆ ของภาครัฐ รวมทั้งได้หารือแผนการลงทุนที่มีความชัดเจนมากขึ้น จนนำมาสู่การยื่นคำขอและการอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2567 คณะผู้บริหารจากบริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด นำโดยนายฉี เจี๋ย ประธานบริษัท ได้เข้าพบเลขาธิการบีโอไอ เพื่อหารือแนวทางการลงทุนในระยะต่อไป รวมทั้งการเข้าถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศไทย ผ่านการประสานงานของบีโอไอด้วย

“ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในภูมิภาค และกำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค เรามองเห็นโอกาสการลงทุนในกิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย จากการพัฒนาอุตสาหกรรมและการสนับสนุนรถยนต์พลังงานใหม่ของรัฐบาลไทยที่สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ โอโมดา แอนด์ เจคู โดยเรามุ่งมั่นพัฒนารถยนต์ให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์คนไทยให้มากที่สุด และเรามีความตั้งใจที่เลือกใช้ชิ้นส่วนจากผู้ผลิตในไทย ซึ่งในอนาคตเราจะทำ Sourcing ชิ้นส่วนจากในประเทศด้วย” นายฉี กล่าว

สำหรับการส่งเสริมโครงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งยานยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และไฮบริด (HEV) บีโอไอได้อนุมัติให้การส่งเสริมรวมทั้งสิ้น 26 โครงการ จาก 19 บริษัท รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 80,000 ล้านบาท

ที่มา : รัฐบาลไทย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้