Last updated: 9 มี.ค. 2567 | 721 จำนวนผู้เข้าชม |
Renault Scénic E-Tech electric ได้รับการโหวตให้เป็น “รถยนต์แห่งปี 2024” ในการประกาศผลในงาน Geneva International Motor Show (สวิตเซอร์แลนด์) เมื่อวันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านั้นในการโหวตรอบแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว Scénic E-Tech (เซนิก อี-เทค) ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 7 คันที่เข้ารอบสุดท้าย ร่วมกับ BMW 5-series , BYD Seal , Kia EV9 , Peugeot E-3008/3008 , Toyota C-HR และ Volvo EX30
คณะกรรมการในการตัดสินประกอบด้วยนักข่าวสายยานยนต์ 58 คนจาก 22 ประเทศ ปรากฎว่า Scenic มาเป็นอันดับหนึ่งด้วยคะแนน 329 คะแนน กลายเป็นรถยนต์ Renault คันที่ 7 ที่ได้รางวัล 'Car of the Year' ต่อจาก Renault 16 (1966) , Renault 9 (1982) , Clio (1991) , Scenic (1997 ) , เมแกน (2003) และคลีโอ (2006)
“ระยะทางที่ทำลายสถิติ ความกว้างขวางและน่าดึงดูดใจ ทั้งหมดนี้มาพร้อมกับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิด เมื่อคุณเพิ่มความเพลิดเพลินในการขับขี่และอุปกรณ์ 'voiture à vivre' เช่น ซันรูฟแบบพาโนรามา Solarbay ใหม่ พร้อมเทคโนโลยี AmpliSky ที่สามารถเปลี่ยนจากโปร่งใสไปเป็นทึบแสงได้ หรือระบบ OpenR Link รุ่นล่าสุดพร้อมระบบ Google ในตัว ทำให้ Scenic มีคุณสมบัติที่เหมาะสม” ฟาบริซ แคมโบลีฟ ซีอีโอแบรนด์เรโนลต์ กล่าว
รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นนี้พัฒนาบนแพลตฟอร์ม AmpR ขนาดกลาง (เดิมคือ CMF-EV) ระบบไฟฟ้า Scenic E-Tech ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนทำงานที่มองหาความคล่องตัว การปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ น้ำหนักเบา (1,890 กก.) ขนาดกะทัดรัด (ความยาว 4.47 ม.) การบังคับเลี้ยวที่เฉียบคมและแม่นยำ ทำให้ Scenic เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานในเมือง ในขณะที่การเดินทางระยะไกล Scenic มีระยะการเดินทางสูงสุด 625 กม. (WLTP) ความสะดวกสบาย การตกแต่งภายในที่กว้างขวาง และให้ความพึงพอใจในการขับขี่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
เพื่อให้เข้าใจถึงความสำเร็จของ Scénic E-Tech electric ต้องย้อนกลับไปที่รุ่นแรกของชื่อนี้ ในปี 1996 เรโนลต์ได้คิดค้นรถยนต์ MPV ขนาดกะทัดรัดคันแรกในตลาด นั่นคือ Mégane Scénic เป็นรถยนต์ที่ห้องโดยสารเต็มไปด้วยนวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของครอบครัว เป็นแนวหน้าในการออกแบบ นาฬิกาไฟฟ้าของ Scénic E-Tech สร้างขึ้นจากมรดกที่มีมาเกือบ 30 ปีด้วยการกลับมาในรูปลักษณ์ของนาฬิกาไฟฟ้า 100%
การตกแต่งภายในแบบไฮเทคของ All-new Scénic E-Tech ได้พันธมิตรด้านนวัตกรรม หน้าจอขนาดใหญ่ OpenR รุ่นล่าสุดซึ่งติดตั้งระบบ OpenR Link ถือเป็นศูนย์รวมของประสบการณ์ดื่มด่ำรูปแบบใหม่ ทั้งที่เชื่อมต่อกันเป็นพิเศษและแอพพลิเคชั่นที่ครบครัน โดยอาศัยความชาญฉลาดของ Google และความครอบคลุมของระบบ Android ทำให้เกือบจะเหมือนกับการใช้สมาร์ทโฟนเลยทีเดียว
แบตเตอรี่มีสองสเป็ค ความจุ 60 kWh กับความจุ 87 kWh ระบบแรงดันไฟฟ้า 400 V มอเตอร์ 1 ตัว ติดตั้งบนเพลาหน้า ในรุ่นเริ่มต้นมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ขนาดความจุ 60 kWh วิ่งได้ระยะทาง 418 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP)
ส่วนในรุ่น Top ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร แบตเตอรี่ขนาดความจุ 87 kWh วิ่งได้ระยะทางไกลถึง 610 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. รุ่น Standard Range 8.5 วินาที ส่วนรุ่น High Range ทำได้ 7.6 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 180 กม./ชม.
ระยะเวลาชาร์จ DC Fast Charge 130 kW ใช้เวลา 30 นาที (10-80%) AC Wallbox ขนาด 7.4 kW ใช้เวลา 7.4 ชั่วโมง (0-100%)
เทคโนโลยีในรถ :
ระบบ OpenR Link รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay
ระบบ Renault Advanced Driver Assistance Systems (ADAS)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control)
ระบบช่วยเลี้ยวเข้าเลน (Lane Keeping Assist)
ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Automatic Emergency Braking)
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ (Parking Assist)
ระบบช่วงล่าง ด้านหน้า McPherson strut ด้านหลัง Torsion beam
แม็ค ล้ออัลลอย 19-20 นิ้ว
ราคาเริ่มต้นสำหรับ Scenic E-Tech electric อยู่ที่ต่ำกว่า 40,000 ยูโร หรือประมาณ 1,550,000 บาท ขณะนี้เปิดให้สั่งซื้อได้แล้ว และรถยนต์คันแรกจะส่งถึงเครือข่ายของ Renault เร็วๆ นี้