Last updated: 2 มี.ค. 2567 | 493 จำนวนผู้เข้าชม |
“รมว.พิมพ์ภัทรา” เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากสมาคมเครือข่ายและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรม EV ได้ข้อสรุป 3 ประเด็นส่งเสริมและสนับสนุน พร้อมวางกรอบพัฒนา 4 แนวทางความร่วมมือและทำงานร่วมกัน ย้ำนโยบายไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเวทีรับฟังข้อคิดเห็นและประเด็นปัญหาจากสมาคมเครือข่ายและผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และสนับสนุน ในด้านต่าง ๆ อาทิ ผล กระทบการแข่งขันด้านต้นทุนของผู้ประกอบการไทยจากอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า การลดอัตราอากรขาเข้า การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และการขยายตลาดเครื่องมือแพทย์สำหรับสัตว์เลี้ยง ย้ำกระทรวงอุตสาหกรรมไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง พร้อมสั่งการหน่วยงานสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งเดินหน้าสนับสนุนทุก ๆ ด้านอย่างเต็มศักยภาพ
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า รัฐบาลได้มุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV โดยได้มีการกำหนดมาตรการส่งเสริมด้านต่าง ๆ อย่างเช่นการลดอัตราอากรขาเข้ารถยนต์สำเร็จรูป และการลดอัตราภาษีสรรพสามิต เป็นต้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV มีการเติบโตขึ้นเป็นลำดับ มีนักลงทุนมากมายให้ความสนใจในการเข้ามาลงทุนในประเทศ แต่ในขณะเดียวกันการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าก็ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป หรือ ICE ปรับตัวลดลง กระทบต่อยอดขายของผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และอุตสาหกรรมสนับสนุนลดลงอย่างมาก
ทั้งนี้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอุตสาหกรรมสนับสนุนเป็นหนึ่งในห่วงโซ่อุปทาน และมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนี้กลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้ประสบปัญหาดังกล่าว กระทรวงอุตสาหกรรมมีนโยบายจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จึงมอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม เร่งหารือและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับทราบถึงประเด็นปัญหาความต้องการจากภาคเอกชนในส่วนของอุตสาหกรรมสนับสนุน รวมทั้งเป็นแนวทางการช่วยเหลือและสนับสนุนที่ตรงจุดและตรงต่อความต้องการ
รมว.พิมพ์ภัทรา กล่าวต่อว่า จากการรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ พบว่า ผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์และผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้าประสบปัญหาการดำเนินธุรกิจต่าง ๆ หลายด้าน อาทิ ปัญหาบุคลากรในภาคอุตสาหกรรม ปัญหาการปรับเปลี่ยนสายการผลิตไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ปัญหาต้นทุนการเงินที่สูง ปัญหาจากมาตรการความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) รวมถึงมาตรการและนโยบายอื่น ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ เช่น มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping: AD) มาตรการต่ออายุสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตภายในประเทศ (CKD) และการกำหนดคำนิยามของวัตถุดิบภายในประเทศ (Local Content : LC) ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น Local Content ในระบบราง เป็นต้น
ข้อเสนอดังกล่าวนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาภาคอุตสาหกรรมสนับสนุนใน 3 ประเด็นหลัก ตามข้อเสนอแนะจากกลุ่มผู้ประกอบการ ประกอบด้วย
1) การพัฒนาและส่งเสริมกลุ่มอุตสาหกรรม โดยการเพิ่มทักษะและพัฒนาองค์ความรู้ให้แก่บุคลากรภาคอุตสาหกรรม รวมถึงสนับสนุนกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในการลดการปล่อย CO2 เพื่อรองรับนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)
2) การส่งเสริม สนับสนุน และปรับตัวเพื่อปรับเปลี่ยนสายการผลิตไปสู่อุตสาหกรรมอื่นตามที่ผู้ประกอบการได้เสนอมา เช่นอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เครื่องมือแพทย์และเครื่องมือแพทย์สำหรับสัตว์เลี้ยง เครื่องจักรกลการเกษตร ชิ้นส่วน Aftermarket การผลิตชิ้นส่วนทดแทน (REM) อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมการบิน และระบบราง เป็นต้น
3) การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่านทาง SME D Bank และกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ และสนับสนุนการค้ำประกันผ่านโครงการติดปีก SMEs ไม่มีหลักทรัพย์ดีพร้อมค้ำประกันให้
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของมาตรการและนโยบายที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบการ กระทรวงอุตสาหกรรม จะทำการศึกษาและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามข้อเสนอของผู้ประกอบการต่อไป
รมว.อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีการหารือกับทางกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง เพื่อกำหนดแนวทางการการคิดอัตราอากรขาเข้าของอุตสาหกรรมส่วนยานยนต์ และอุตสาหกรรมสนับสนุน นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ร่วมหารือ นายไซโตะ เคน รัฐมนตรีว่าการกับการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (METI) ของญี่ปุ่น โดยมีแนวทางความร่วมมือและแลกเปลี่ยนกรอบการทำงานร่วมกัน เพื่อการพัฒนากลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์อุตสาหกรรมสนับสนุน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาใน 4 ประเด็น
1) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนจากยานยนต์
2) การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ของภาคอุตสาหกรรมการผลิต
3) การลดปริมาณของเสียหรือชิ้นส่วนจากยานยนต์ (End-of –Life Vehicle)
4) การพัฒนาพลังงานสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ พร้อมทั้ง เสนอให้ทางญี่ปุ่นพิจารณาให้ไทยเป็น แหล่งสุดท้ายในการผลิตรถยนต์สันดาปภายใน (Last man standing) ควบคู่กับการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งนายไซโตะ เคน รัฐมนตรีว่าการกับการกระทรวง METI มีความเห็นพ้องกับแนวทางนี้เช่นกัน
ที่มา : กระทรวงอุตสาหกรรม