โตโยต้าคอนเฟิร์มรถ HEV คือตัวเลือกอันดับ 1 ในประเภทรถยนต์ไฟฟ้า แม้รถ BEV เติบโตแบบก้าวกระโดดจาก 1% เป็น 10%
Last updated: 8 ก.พ. 2567 | 1083 จำนวนผู้เข้าชม |
โตโยต้า ประเทศไทย ระบุปีที่ผ่านมาส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV ในไทยโตแบบก้าวกระโดดจาก 1% เป็น 10% แต่ส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ HEV ก็เติบโตขึ้น และเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของคนไทย มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 12%
มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงภาพรวมในการดำเนินธุรกิจของโตโยต้าในปี 2566 ที่ผ่านมาว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยต้องเผชิญความยากลำบากและมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยลดลง 9% โดยเฉพาะเซกเมนต์รถกระบะที่ลดลงถึง 32% ในขณะที่ค่ายผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีนได้เข้าสู่ตลาด และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 5% ถึง 11% ภายใต้ส่วนแบ่งตลาดดังกล่าว สัดส่วนการขายของรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) เติบโตขึ้นจาก 1% เป็น 10%
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว โตโยต้ายังคงมีรถหลายรุ่น ได้แก่ คัมรี ฟอร์จูนเนอร์ เวลอซ และไฮเอซ ที่เป็นผู้นำในเซกเมนต์ต่างๆ นอกจากนั้น ยาริสและเอทีฟก็สามารถครองตำแหน่งยอดขายอันดับหนึ่งในเซกเมนต์อีโคคาร์ด้วยส่วนแบ่งตลาด 45% สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของโตโยต้า สำหรับเซกเมนต์รถเอนกประสงค์ SUV โตโยต้ากลับมาครองยอดขายสูงสุดในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมาหลังจากการแนะนำยาริส ครอส รวมถึง รถกระบะไฮลักซ์ รีโว่ ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 40% เป็นสัดส่วนที่สูงสุดนับตั้งแต่ พ.ศ. 2554 เป็นต้นมา
ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของโตโยต้าอยู่ที่ 34.3% สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 และสูงกว่า พ.ศ. 2565 ที่ 0.3% ซึ่งโตโยต้าขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยที่ได้ให้ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดีเสมอมา
ทั้งนี้เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า และยานยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ โดยโตโยต้ายังคงมุ่งเดินหน้าตามกลยุทธ์เตรียมความพร้อมหลากหลายแนวทาง หรือ “Multiple Pathway” โดยพิจารณาจากปัจจัยทั้งความหลากหลายของลูกค้า การใช้งาน ข้อจำกัดในแต่ละภูมิประเทศ อาทิ โครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน สภาพถนน ข้อจำกัดทางด้านพลังงาน เป็นต้น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง โตโยต้ามีความต้องการที่จะมุ่งเติมเต็มชีวิตของผู้คน และนำมาซึ่งรอยยิ้มของลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น จึงเลือกกลยุทธ์ Multiple Pathway ตามปรัชญา "Mobility for All" โดยที่จะ "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" (No One leaves behind)
ในปีที่ผ่านมาส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV ในประเทศไทยได้เติบโตแบบก้าวกระโดด อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ไฮบริด (HEV) ก็เติบโตขึ้น และยังเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของลูกค้าชาวไทย สำหรับประเภทรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ด้วยเหตุผลที่สามารถใช้งานได้จริงอย่างเหมาะสม ลูกค้ามีความอุ่นใจขณะใช้งาน และมีค่าบำรุงรักษาต่ำ รวมถึงมีมูลค่าในการขายต่อที่ดี ในปีที่แล้ว ส่วนแบ่งตลาดของรถไฮบริด มีมากกว่า 12% และในไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 17%
ที่มา : บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
