X

ไอ-มอเตอร์ มั่นใจ Vapor แบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเมดอินไทยแลนด์ ชิ้นส่วนมาตรฐานญี่ปุ่น

Last updated: 9 มี.ค. 2567  |  1818 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ไอ-มอเตอร์ มั่นใจ Vapor แบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเมดอินไทยแลนด์ ชิ้นส่วนมาตรฐานญี่ปุ่น

มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป และไม่ได้จำกัดวงอยู่เฉพาะกลุ่มไรเดอร์เหมือนในอดีต ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้ EV BIKE วิ่งได้ไกลมากขึ้น ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมามีแบรนด์ใหม่ๆ แนะนำตัวสู่ตลาดอย่างคึกคัก

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อพูดถึงมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคนไทยมักเข้าใจว่าเป็นเทคโนโลยีของประเทศจีน อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสภาพที่เป็นตลาดของแบรนด์จีน บริษัท ไอ-มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ที่เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า “Vapor” ครั้งแรกในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2565 กลับเดินหน้ารุกตลาดด้วยการประกาศอย่างชัดเจนว่าเป็น “แบรนด์ไทย” ที่ได้เครื่องหมาย  Made in Thailand ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 40 เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2566


“ปีที่ผ่านมา Vapor ได้รับฟีดแบ็คดีทีเดียว คิดว่าเป็นเพราะไอ-มอเตอร์เป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาป เรามีโรงงานผลิตชิ้นส่วนอยู่ถนนบางนาตราด กม.3.5 เมื่อทำตลาดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าก็มีการนำโนว์ฮาวในการผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ได้มาตรฐานมาใช้ในการผลิต จนได้รับการรับรองจากสภาอุตสาหกรรมให้ใช้เครื่องหมายเมดอินไทยแลนด์ เป็นการยืนยันว่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของบริษัทเราผลิตโดยคนไทยจริงๆ”



คุณอธิมนต์ แก้วประเสริฐศิลป ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท ไอ-มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง จํากัด กล่าวถึงการได้รับเครื่องหมาย Made in Thailand พร้อมทั้งเปิดเผยถึงการดำเนินงานที่ผ่านมาว่า “ไอ-มอเตอร์”เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนมอเตอร์ไซค์สันดาปให้กับผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่นทั้ง 4 ค่ายหลัก ดังนั้นการผลิตรถมอเตอร์ไซค์อีวีจึงสามารถเริ่มต้นได้ง่ายเพราะได้นำชิ้นส่วนต่างๆ ที่ผลิตในเกรดเดียวกับรถมอเตอร์ไซค์น้ำมันมาใช้ผลิตมอเตอร์ไซค์อีวี โดยเทคโนโลยีโครงสร้างตัวรถเป็น World Class EMB Platform ผลิตจากวัสดุ High Tensile Strength Steel มาตรฐานเดียวกับการผลิตยานยนต์ชั้นนำระดับโลก


รถรุ่น Vapor ถูกออกแบบขับเน้นความทันสมัย เหมาะสมกับทุกไลฟ์สไตล์ ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสกับประสบการณ์ Intelligent Mobility โดย Vapor มีจำหน่ายในรุ่น Vapor Standard , Vapor CBS และ Vapor S (Limited Edition เพียง 99 คัน) แต่ละรุ่นของ Standard และ CBS มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย มีสีให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่ สีส้ม (Summer Orange) , สีขาว (Nimbus White) , สีดำ (Onyx Black), สีเหลือง (Party Yellow) , สีฟ้า (Aero Blue) และ สีแดง (Corsa Red)


สำหรับรุ่นไฮไลต์อย่าง Vapor CBS มาพร้อมสมรรถนะในการขับขี่ที่เหนือกว่าด้วยล้อแม็กซ์หน้าลวดลายพิเศษขนาด 14 นิ้วและหลังขนาด 12 นิ้ว ดิสเบรค CBS หน้า-หลัง ขนาด 220 มม. ควบคุมการขับขี่ได้อย่างคล่องแคล่ว ตอบโจทย์ทุกการเดินทางทั้งในเมืองและเดินทางไกล ผสานกับมาตรฐานความปลอดภัยกับระบบเบรค CBS (Combined Braking System) ที่ช่วยกระจายแรงเบรคหน้า-หลัง เพื่อการหยุดรถในทุกสภาพถนนอย่างมีประสิทธิภาพ


ขณะเดียวกันในส่วนของแบตเตอรี่ Lithium Ion Phosphate-LFP คุณอธิมนต์ ได้ให้รายละเอียดว่าเป็นแบตเตอรี่นำเข้าจากประเทศจีน ซึ่งเป็นบริษัทระดับท็อปทรีของจีน โดยแบตเตอรี่มีอายุการใช้งาน 1,000 ไซเคิล สามารถใช้งานได้ประมาณ 4 ปี หมายถึง capacity แบตเตอรี่จะลดเหลือประมาณ 80% เหมือนการใช้มือถือ ซึ่งลิเธียมไอออนฟอสเฟตจะเป็นแบตเตอรี่เกรดดีที่สุด มีความปลอดภัยสูง ไม่เกิดปัญหาไฟไหม้ หรือระเบิด

เมื่อใช้งานครบ 1,000 ไซเคิล ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ที่ลดเหลือ 80% จะทำให้ 1 รอบการชาร์จจากเดิมวิ่งได้ 100 กม. ก็จะลดลงเหลือ 70-80 กม. ดังนั้นการจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของลูกค้า



การที่มีโรงงานผลิตชิ้นส่วนที่ได้มาตรฐานรถมอเตอร์ไซค์สันดาป และปรับเปลี่ยนนำมาใช้ร่วมกับแบตเตอรี่คุณภาพสูง Lithium Ion Phosphate-LFP ทำให้ ไอ-มอเตอร์ได้เปรียบในเรื่องของการควบคุมคุณภาพ และต้นทุน ทำให้เป็นแบรนด์แรกที่ได้มาตรฐาน UNR 36 ที่กรมขนส่งทางบกประกาศบังคับรับรองความปลอดภัยทั้งตัวรถและแบตเตอรี่ โดยเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566

“ก่อนจะได้มาตรฐาน UNR 36 แบตเตอรี่ที่ใช้ในมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Vapor ต้องผ่านการทดสอบความปลอดภัย อย่างเช่นการตกกระแทก การโดนน้ำท่วม หรือโดนไฟไหม้ แบตเตอรี่ต้องไม่แตก ไม่ระเบิด และไม่ติดไฟ สามารถกันน้ำ กันฝุ่น สามารถขี่ลุยน้ำครึ่งล้อได้นานประมาณครึ่งชั่วโมงโดยที่น้ำไม่เข้า”

ความมั่นใจในทุกชิ้นส่วนที่นำมาผลิตเป็น Vapor ทำให้ “ไอ-มอเตอร์” กล้ารับประกันรถสูงสุดที่ 3 ปี ระยะทาง 50,000 กม. โดยเป็นการรับประกันในส่วนบอดี้พาร์ททั้งหมด


“เรากล้ารับประกันเพราะเราผลิตเอง และมั่นใจในตัวสินค้า ถ้าลูกค้ามีปัญหาในส่วนของบอดี้พาร์ทเรารับเปลี่ยนให้ทันที โดยไม่ต้องซ่อม เป็นการเคลมเปลี่ยนได้เลย ส่วนแบตเตอรี่ มอเตอร์ พีซียู รับประกัน 2 ปี หน้าจอรับประกันให้ 1 ปี ถ้าแบตเตอรี่หมด ต้องการเปลี่ยนใหม่ราคาอยู่ที่ 34,900 บาท ต่อ 1 ลูก เป็นแบตฯสเปค 73.6 โวล์ต 45 แอมป์อาว ถ้าเป็นเจนเนอเรชั่นแรก นำเซลล์แบตฯเข้ามาแพ็กในประเทศไทย แต่ถ้าเป็นรุ่น ไอเอ 7 ทู ก็จะเป็นแบตเตอรี่นำเข้าจากประเทศจีน”


คุณอธิมนต์ได้แสดงความเห็นต่อสถานการณ์ของตลาดว่า โอกาสของมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในไทยค่อนข้างเปิด ลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เคยลองใช้รถไฟฟ้ามาแล้วส่วนใหญ่จะเปิดใจรับ มีลูกค้าหลายรายเริ่มมองหาซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเพราะประทับใจในเรื่องความประหยัด สมมติใช้มอเตอร์ไซค์น้ำมัน เติมน้ำมัน 1 ถัง วิ่งไปได้ 100 กม. ค่าเชื้อเพลิงตกประมาณกิโลละบาทกว่า แต่ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งได้ 100 กม. จ่ายค่าชาร์จไฟไม่เกิน 18 บาทต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตกกิโลเมตรละ 18 สตางค์เท่านั้นเอง ค่าใช้จ่ายต่างกันเยอะมาก



“หลายคนอาจกังวลในเรื่องของการเมนเทนแนนท์ ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์น้ำมัน หากนำเข้าไปแมนเทอร์แนนท์ตามรอบก็จะมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จะต้องใช้ อย่างเช่น ค่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนไส้กรอง เปลี่ยนหัวเทียน แต่ถ้าเป็นรถไฟฟ้า แทบไม่มีอะไรที่จะต้องเปลี่ยนเลย ทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ต่ำกว่าค่อนข้างเยอะ”

“จุดเด่นของไอ-มอเตอร์ คือเป็นผู้ผลิตอะไหล่ และประกอบเองในไทย บริษัทฯมีคลังอะไหล่พร้อมให้บริการ ไม่ต้องห่วงในเรื่องบริการหลังการขาย เรามีอะไหล่แท้พร้อมให้บริการตลอดเวลา ตอนนี้เราเริ่มเปิดดีลเลอร์ไปแล้วมากกว่า 20 สาขา ทุกแห่งมีบริการมาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าลูกค้าจะซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจากร้านไหน สามารถเข้าใช้บริการได้ทุกสาขา ด้วยอะไหล่มาตรฐาน และราคาค่าแรงเดียวกัน” คุณอธิมนต์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้