X

ลุ้น “เทสลา” เลือกตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกในอาเซียนในประเทศไทยไตรมาสแรกปี 2567

Last updated: 23 พ.ย. 2566  |  720 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ลุ้น “เทสลา” เลือกตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกในอาเซียนในประเทศไทย

โฆษกรัฐบาล เผยรัฐบาลพยายามต่อยอดผลหารือ นายกฯ กับภาคเอกชนชั้นนำของโลก เร่งเดินหน้าสานต่อให้เกิดการตกลงทางธุรกิจ ทั้งแผนการใช้ไทยเป็นศูนย์กลาง AI ของ Microsoft การลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยของ Tesla คาดจะตัดสินใจไตรมาสแรกปี 2567

วันนี้ (23 พ.ย. 2566) นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการพบหารือระหว่างนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กับผู้บริหารบริษัทภาคเอกชนชั้นนำของสหรัฐฯ หลายบริษัท ระหว่างการเยือนนครซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ประจำปี 2566 ของนายกรัฐมนตรีนั้น นายกฯได้เร่งให้มีการเดินหน้าสานต่อให้เกิดการตกลงทางธุรกิจ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม นำประโยชน์สู่ประเทศโดยเร็ว

โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า บริษัท Microsoft ประเทศไทย วางแผนที่ใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในภูมิภาคเอเชีย โดยจะจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้าน AI และพัฒนาข้อมูลระบบคลาวด์ภูมิภาค ซึ่งรัฐบาลไทย และบริษัท Microsoft ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศด้วยดิจิทัล AI โดยบริษัท Microsoft เห็นว่า ไทยมีศักยภาพที่จะเป็น 1 ในศูนย์กลาง AI ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งรัฐบาลไทยเองก็พร้อมที่จะร่วมมือและสนับสนุนแหล่งพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ภายในปี พ.ศ. 2568 ศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ทั้งหมดของ Microsoft ทั่วโลกจะใช้พลังงานหมุนเวียน 

ขณะที่ บริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน EV เทสลา (Tesla) มีแผนก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่แห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน และคาดว่าจะสามารถตัดสินใจได้ภายในไตรมาสแรกปี 2567 เนื่องจากก่อนหน้านี้ Tesla ประกาศขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย มีการจดทะเบียนตั้งบริษัท เทสลา (ประเทศไทย) และหากมองอุตสาหกรรม EV ของประเทศไทยถือได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นกัน 

“นายกรัฐมนตรีเชื่อว่า การลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อเสริมขีดความสามารถในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า สร้างห่วงโซ่อุปทาน EV ส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมและอุตสาหกรรม จะช่วยเพิ่มผลผลิตทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจ รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อว่า การหารือกับบริษัทชั้นนำ นำเสนอศักยภาพ และนโยบายของประเทศ จะทำให้เกิดความร่วมมือ ฟื้นฟู เสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของไทย” นายสัตวแพทย์ชัย กล่าว


ที่มา : รัฐบาลไทย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้