Last updated: 13 พ.ย. 2566 | 725 จำนวนผู้เข้าชม |
MGC เซ็น MOU กับ ‘กลุ่ม ปตท.’ รุกธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ครบวงจร เผยรายได้โตโดดเด่นจากการวางโครงสร้างที่หลากหลายภายใต้โมเดลธุรกิจ Lifestyle Mobility Ecosystem โชว์ผลดำเนินงาน 9 เดือนแรก ทำรายได้ 18,449 ล้านบาท เติบโต 11%
นายสัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (เอเชีย) (MGC) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับกลุ่มปตท.(Ptt) เพื่อศึกษาแนวทางการลงทุนธุรกิจรถไฟฟ้า (EV) ครบวงจร เพื่อสร้าง Synergy ร่วมกัน รวมทั้งผลักดันให้ MGC-ASIA เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวตามเป้าหมาย
พร้อมกันนี้ยังได้ประกาศผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก ทำรายได้รวม 18,449 ล้านบาท เติบโต 11% และมีกำไรสุทธิ 228 ล้านบาท เผยไตรมาสสุดท้าย เติบโตโดดเด่นรับไฮซีซัน เตรียมรับรู้รายได้จากการส่งมอบเรือยอทช์ Azimut มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท และจากศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า TESLA เล็งขยายฟลีตรถเช่ารับภาคท่องเที่ยวฟื้น เตรียมรุกธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างครบวงจร หลังเซ็น MOU กับ ‘กลุ่ม ปตท.’ แล้ว มั่นใจรายได้ทั้งปีเติบโตกว่า 10% ตามเป้าหมาย
ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ ที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์ในการเดินทางอย่างครบวงจร เปิดเผยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปี 2566 มีรายได้รวม 18,449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 228 ล้านบาท ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศ ที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจ
ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้จัดโปรโมชันพิเศษเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อในช่วงไตรมาส 3/2566 นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เนื่องจากการปรับโครงสร้างการเช่าพื้นที่เพื่อใช้เป็นศูนย์จัดจำหน่ายรถยนต์ของบริษัทฯ รวมถึง ในปี 2565 บริษัทฯ มีกำไรจากการได้รับสิทธิเป็นผู้บริหารจัดการขบวนรถยนต์ในการประชุม APEC ดังนั้นหากไม่รวมค่าใช้จ่ายและกำไรที่เกิดขึ้นในครั้งเดียวดังกล่าวข้างต้น จะส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 255 ล้านบาท ลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ผลการดำเนินงานช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นจากการวางโครงสร้างรายได้ที่หลากหลายภายใต้โมเดลธุรกิจ Lifestyle Mobility Ecosystem ของ MGC-ASIA ที่มีระบบนิเวศทางธุรกิจที่สมบูรณ์และแข็งแรง สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าได้ครอบคลุม รวมทั้งสร้างการเติบโตจากการผสานความร่วมมือภายในองค์กรและพันธมิตรทางธุรกิจ (Synergy) ทั้งนี้การเติบโตในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะมาจากธุรกิจหลักทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่
1) ธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ ที่บริษัทฯ จะเข้าร่วมงาน Motor Expo 2023 ในวันที่ 30 พฤศจิกายนถึง 11 ธันวาคม 2566 คาดว่าจะมียอดจองรถยนต์ในงานจำนวนมาก รวมถึงการรับรู้รายได้จากรถยนต์ที่รอส่งมอบกว่า 900 คัน และการส่งมอบเรือยอทช์ Azimut แก่ลูกค้า มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้รับสิทธิ์นำเข้าและจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
2) ธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ จะเริ่มรับรู้รายได้จากศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Approved Body Shop (TAB) ซึ่งจะสร้างรายได้ประจำให้บริษัทฯ (Recurring Income) อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย และมีแผนขยายศูนย์บริการเพิ่มอีกแห่งในปี 2567
3) ธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ ทั้งระยะสั้นและระยะยาวพร้อมพนักงานขับ คาดว่าธุรกิจให้เช่ารถรถยนต์ระยะสั้นภายใต้ SIXT Rent a Car จะมีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล โดยบริษัทฯ เตรียมขยายฟลีตรถเช่าในพื้นที่บริการเพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีปัจจัยการเติบโตจากธุรกิจร่วมทุนอีก 2 บริษัท คือ บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ผู้ให้บริการธุรกิจบริการประกันภัยชั้นแนวหน้า ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง คาดว่าจะมีรายได้กว่า 325 ล้านบาทในปี 2566 เติบโตกว่า 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจะเติบโตต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่า 8% ในปี 2567 พร้อมทั้งการเปิดตัวบริการประกันรูปแบบใหม่ จากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก รวมถึงมุ่งขับเคลื่อนนโยบายตามหลัก ESG
ขณะที่ บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด ซึ่ง MGC-ASIA ร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) เพื่อให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจร ครอบคลุมสินเชื่อเช่าซื้อ ลีสซิ่ง และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ สำหรับยานยนต์ระดับลักชัวรี่และมารีน เจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมียม-ลักชัวรี่ มีการขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยผลักดันรายได้ทั้งปีของบริษัทฯ ให้เติบโตทะลุ 10% ตามเป้าหมาย
ที่มา : บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (เอเชีย)