เนต้า ออโต้ ยอดขายเติบโตรวดเร็ว มั่นใจตลาด NEV แนวโน้มสดใส

ประธานเนต้า ออโต้ มั่นใจรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) แนวโน้มสดใส เผยยอดขายรถไฟฟ้าในไทย จีน และอาเซียน เติบโตรวดเร็ว ล่าสุดลูกค้าเนต้าในไทยสามารถชาร์จรถด้วยตัวเองได้ที่สถานีชาร์จทุกแห่งตั้งแต่เดือนมิถุนายนต์เป็นต้นไป

นายฝาง หยุนโจว (Fang Yunzhou) ผู้ก่อตั้งและประธานของเนต้า ออโต้ (Neta Auto) กล่าวในการประชุมธุรกิจชาวจีนโลก (World Chinese Entrepreneurs Convention : WCEC) ครั้งที่ 16 ที่จัดขึ้นในประเทศไทยว่า ด้วยการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีมานานกว่า 2 ทศวรรษในอุตสาหกรรมยานยนต์  รถยนต์พลังงานใหม่ (NEV)ถือเป็นการหลอมรวมกันระหว่างเครือข่ายเชื่อมโยงข้อมูล (Information Internet), เครือข่ายเชื่อมโยงพลังงาน (Energy Internet), และเครือข่ายเชื่อมโยงยานยนต์ (Vehicle Internet) ซึ่งทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มในอุดมคติสำหรับการเชื่อมต่อทุกสิ่งอย่าง และจะส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่ออนาคตของการคมนาคมขนส่ง, วิถีชีวิต และสังคม ตลอดจนในด้านพลังงาน, สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี นวัตกรรมและการพัฒนานี้จะขับเคลื่อนและนำไปสู่อุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์ในอนาคต

NEV ยังต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในระยะยาว รวมทั้งวิวัฒนาการตามอีโคซิสเต็มของการรับส่งข้อมูลทางสังคมก่อนที่จะกลายมาเป็นสถานีปลายทางของการเคลื่อนที่แบบดิจิทัลต่อไป โดยจะต้องมีการพัฒนาอีก 2 ขั้นตอน ซึ่งขั้นตอนที่ 1 แบ่งออกเป็นการพัฒนาเรื่องพลังงานไฟฟ้า, การเชื่อมต่อบนอินเทอร์เน็ต และการสร้างระบบอัจฉริยะ ขณะที่อีกขั้นตอนก็คือการสร้างระบบอัจฉริยะ, การกู้คืนพลังงาน และการสร้างอีโคซิสเต็ม

นายฝางยังระบุด้วยว่า NEV เป็นภาคส่วนที่มีแนวโน้มสดใส ที่จะสามารถรักษาการเติบโตอย่างรวดเร็วเอาไว้ได้ตั้งแต่ปี 2563 ไปจนถึงปี 2593 ด้วยการขับเคลื่อนจากการปฏิวัติทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ ครอบคลุมการเชื่อมโยงที่หลากหลาย รวมถึงวัตถุดิบ, ชิป, ซอฟต์แวร์, อัลกอริทึม, ศูนย์คอมพิวเตอร์ชั้นสูง, ชิ้นส่วนและส่วนประกอบ, การประกอบชิ้นส่วน, ห่วงโซ่อุปทาน, อุตสาหกรรมยานยนต์, ระบบบริการ, ชุมชนผู้ใช้, บริการการเงิน และการรีไซเคิลแบตเตอรี่ ขณะเดียวกัน อีโคซิสเต็มใหม่ ซึ่งประกอบด้วยการเดินทางอัจฉริยะ, พลังงานอัจฉริยะ และเมืองอัจฉริยะ จะก่อรูปก่อร่างขึ้นเป็นสถานีปลายทางของการเคลื่อนที่แบบดิจิทัลจะทำให้ผู้คนมีชีวิตแบบสมาร์ตมากขึ้น

เนต้า ออโต้ เป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะสัญชาติจีนที่เข้าไปบุกเบิกตลาดต่างประเทศ และมีธุรกิจอยู่ในภูมิภาคอาเซียน บริษัทมียอดขายระดับสูงทั้งในประเทศไทย และตลาดอื่น ๆ ที่มีส่วนช่วยให้อุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งในจีนและอาเซียนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว การก้าวเข้าสู่ตลาดโลกของเนต้า คือการส่งออกห่วงโซ่อุตสาหกรรมและการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ แทนที่จะเป็นแค่เพียงการส่งออกผลิตภัณฑ์ อย่างเช่น การให้บริการ NEV อัจฉริยะชั้นนำของโลกให้กับผู้ใช้ในอาเซียน พร้อมกันกับการสร้างสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า

“ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ลูกค้าจะสามารถชาร์จรถยนต์เนต้าของตัวเองได้ที่สถานีชาร์จทุกแห่งในประเทศไทย นอกจากนี้ เนต้า ออโต้ ยังเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตแห่งแรกขึ้นในประเทศไทยแล้วเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โรงงานแห่งนี้ถือว่าเป็นโรงงานแห่งแรกของสตาร์ตอัป EV จีนในประเทศไทย และจะเป็นฐานการผลิตหลักของเนต้า ออโต้ เพื่อผลิตและส่งออกรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพวงมาลัยขวา (RHD EV) ให้กับตลาดอาเซียน“

นายฝาง กล่าวต่อไปอีกว่าเนต้ากำลังผันตัวเองเข้าสู่การเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก โดยในตลาดต่างประเทศ ทั้งฝ่ายธุรกิจในยุโรปและบริษัทสาขาในประเทศไทยของเนต้าล้วนมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เฉพาะสำหรับตลาดต่างประเทศ 3 รายการ ซึ่งเข้าไปเจาะตลาดทั้งในอาเซียน อเมริกาใต้ และตะวันออกกลาง ทำให้บริษัทกลายเป็นสตาร์ตอัปรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารายแรกของจีนที่เปิดตัวและส่งมอบรถยนต์ใหม่ในประเทศไทย มาเลเซีย และจอร์แดน เนต้าจะเข้าร่วมงานแสดงรถยนต์ IAA Mobility ในปีนี้ และจะส่ง Neta GT ออกสู่ตลาดต่างประเทศเร็ว ๆ นี้

การประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก (World Chinese Entrepreneurs Convention : WCEC) ครั้งที่ 16 เป็นการรวบรวมนักธุรกิจชาวจีนมากกว่า 3,000 คนจากทั่วทุกมุมโลกมาร่วมประชุม ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ทั้งนี้ คุณฝาง หยุนโจว (Fang Yunzhou) ผู้ก่อตั้งและประธานของเนต้า ออโต้ (Neta Auto) ได้รับเชิญเข้าร่วมงานประชุมในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ของจีน ได้กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “รถยนต์พลังงานใหม่: สถานีปลายทางของการเคลื่อนที่แบบดิจิทัลในอนาคต” (New Energy Vehicles: Digital Mobile Terminals For The Future) โดยคุณฝางได้มาร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและสำรวจรูปแบบการพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV) ร่วมกับแขกผู้มีเกียรติภายในงาน โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันการพัฒนาคุณภาพของอุตสาหกรรมต่อไป