Last updated: 16 ส.ค. 2566 | 1336 จำนวนผู้เข้าชม |
โตโยต้า ซิตี้ ประเทศญี่ปุ่น / 13 มิ.ย. 2566 / โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จัดบรรยายสรุป "Toyota Technical Workshop" ภายใต้ธีม "Let's Change the Future of Cars" พร้อมทั้งประกาศนำเทคโนโลยีใหม่ๆที่หลากหลายมาสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ของการผลิตรถ โดยชู บีอีวี แฟคทอรี (BEV Factory) และ ไฮโดรเจน บิสสิเนส เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ
ไฮไลท์ของการจัดเวิร์คช้อปครั้งนี้คือการประกาศแผนเปิดตัวแบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ภายในปี 2026 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งโตโยต้าระบุว่าแบตเตอรี่ที่พัฒนาขึ้นมาจะทำให้เดินทางได้ระยะทางไกลขึ้น ขณะที่ใช้เวลาในการชาร์จไฟน้อยลง เพื่อกรุยทางให้โตโยต้ากลับมาเอาชนะใจผู้บริโภคได้อีกครั้งในตลาดรถยนต์
ต้นแบบแบตเตอรี่ All-Solid-State
next-generation batteries and sonic technology
รายงานข่าวระบุว่า แบตเตอรี่ All-Solid-State ที่โตโยต้าซุ่มพัฒนาอยู่จะใช้เวลาชาร์จไม่ถึง 10 นาที แต่วิ่งได้ไกล 1,000 กิโลเมตรจากการชาร์จเพียงครั้งเดียว มากกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน 2.4 เท่า
แบตเตอรี่ All-Solid-State หรือ แบตเตอรีชนิดแข็งคุณภาพสูง จะใช้อิเลกทรอไลต์แบบแข็งที่มีความเสถียรสูง สามารถเก็บไฟได้นานกว่าแบตเตอรีที่ใช้อิเลกทรอไลต์ชนิดเหลวแบบเดียวกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้กันในปัจจุบัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าแบตเตอรีแบบใหม่นี้จะช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคสมัยแห่งรถยนต์ไฟฟ้าของโตโยต้
เทคโนโลยีการหล่อฉีดชิ้นส่วน (Giga Casting)
เพื่อรองรับแผนการผลิต โตโยต้ามีแผนพัฒนาโรงงานแบบใหม่ที่จะใช้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ เพื่อลดต้นทุนและลดเวลาในการทำงานแบบสายพานการผลิตเดิมๆ โตโยต้าเรียกระบบโรงงานใหม่นี้ว่า "สายพานทำงานอัตโนมัติ" ที่รถยนต์สามารถจะเคลื่อนที่ไปได้เองระหว่างที่อยู่ในกระบวนการผลิตและประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ
นายคาโต้ ทาเคโร (Kato Takero) ประธานกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าและโรงงานแบตเตอรี่ BEV ของโตโยต้า เปิดเผยว่า โตโยต้าต้องการจะเปลี่ยนอนาคตของโลกด้วยรถยนต์ไฟฟ้า และภายในปี 2026 บริษัทฯ จะมีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่รุ่นใหม่ ซึ่งจะถูกผลิตด้วยสายพานการผลิตที่ขับเคลื่อนตัวเอง รวมทั้งใช้เทคโนโลยีการหล่อฉีดชิ้นส่วน (Giga Casting) เพื่อลดต้นทุนและทำให้รถมีราคาที่เข้าถึงได้ ตั้งเป้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 1.7 ล้านคันภายในปี พ.ศ. 2573