X

KGEN จับมือ Chery ปักหมุดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า OMODA & JAECOO ในไทย

Last updated: 23 ส.ค. 2567  |  474 จำนวนผู้เข้าชม  | 

KGEN จับมือ Chery ปักหมุดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า OMODA & JAECOO ในไทย

KGEN ร่วมทุน Chery ค่ายรถยักษ์ใหญ่ของจีน ผุดโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ในไทย เริ่มผลิตรถ EVแบรนด์ OMODA และ JAECOO มูลค่าลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท กำลังการผลิตเฟสแรก 50,000 คัน/ปี ภายในปี 2571จะขยายเป็น 80,000 คันต่อปี พร้อมลุยตลาดในประเทศและส่งออกทั่วโลก หวังผลักดันไทยขึ้นแท่นฮับ EV ของภูมิภาค ขณะที่ KGEN ประกาศพร้อมก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการผลิตรถยนต์ EV รองรับความต้องการตลาดทั้งในประเทศและระดับโลก

วันที่ 23 สิงหาคม 2567 บริษัท คิงเจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN และ เชอรี่ อินเตอร์เนชันแนล ผู้ประกอบธุรกิจด้านยานยนต์ชั้นนำระดับโลกผู้ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยักษ์ใหญ่ของจีน ได้จัดพิธีลงนามสัญญาร่วมลงทุนโรงงานผลิตรถยนต์แบรนด์ OMODA และ JAECOO ณ ห้อง Crystal Ballroom โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดงานและร่วมเป็นสักขีพยาน


นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในฐานะคณะกรรมการนโยบายยานยนต์พลังงานไฟฟ้าแห่งชาติ หรือ บอร์ดอีวี กล่าวว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต EVระดับโลก KGEN เป็นบริษัทมหาชนรายแรกของไทย ที่ได้เข้าร่วมลงทุนโรงงานผลิตรถยนต์ระดับโลกกับ Chery ถือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศจีนที่เชื่อมั่นนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย และตัดสินใจเข้ามาลงทุนโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

“มองว่าการร่วมลงทุนครั้งนี้จะส่งผลให้คนไทยและประเทศไทยได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม จากการจ้างงาน การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ตลอดจนการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ขอยืนยันว่ารัฐบาลไทย และ อว. พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เชื่อมั่นว่าตลาดยานยนต์ของไทยมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง”


นางสาวพรทิพย์ ตรงกิ่งตอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิงเจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN  กล่าวว่า การร่วมทุนในโรงงานผลิตรถยนต์ภายใต้ความร่วมมือกับ เชอรี่ อินเตอร์เนชันแนล ในครั้งนี้ทาง KGEN ถือหุ้น 60% ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการยานยนต์ไทย จากการลงทุนในอดีตที่บริษัทต่างชาติจะลงทุนเองทั้ง 100% ซึ่งเป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของไทยจากการเป็นเพียงแหล่ง OME  โดยการลงทุนครั้งนี้มีมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท คาดว่าเฟสแรกจะสามารถเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2568 และจะขยายกำลังการผลิตในปี 2571 

นอกจากการจำหน่ายในประเทศแล้ว บริษัทฯยังมีแผนที่จะส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก โดยโรงงานแห่งนี้จะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในการส่งออก ที่สามารถรองรับการผลิตรถยนต์ทั้งพวงมาลัยขวาและพวงมาลัยซ้าย ซึ่ง โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ตั้งเป้าหมายมุ่งยกกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกฉียงใต้ และการขยายตลาดส่งออกจะเป็นส่วนสำคัญในการดึงเม็ดเงินกลับเข้าสู่ประเทศตามเป้าหมายของรัฐบาล เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ KGEN และช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดยานยนต์ระดับโลก 


ด้าน นายเฉิน ชุนชิง (Mr.Chen Chunqing) รองประธาน เชอรี่ อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า Chery มีประสบการณ์ด้านยานยนต์ระดับโลกมากว่า 27 ปี มีการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไปกว่า 80 ประเทศทั่วโลก มีโรงงานในต่างประเทศกว่า 10 แห่ง มีผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการมากกว่า 1,500 แห่ง รวมทั้งมีศูนย์วิจัยและพัฒนาทุกภูมิภาคทั่วโลก ขึ้นแท่นเป็นผู้ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรายใหญ่ที่สุดของจีนติดต่อกันมาถึง 22 ปี ทั้งยังเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยศักยภาพและการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง ประกอบกับความเชื่อมั่นในนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย Chery จึงตัดสินใจเข้ามาลงทุนโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

“การจับมือกับ KGEN  ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ KGEN ที่แข็งแกร่ง จะช่วยตอกย้ำจุดยืนให้กับ Chery ในตลาดประเทศไทย และสร้างความเชื่อมั่นว่ารถยนต์ OMODA และ JAECOO ได้มาตรฐานสูงสุดระดับสากล พร้อมช่วยยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่มาตรฐานระดับสากลอีกด้วย”


ขณะที่ นายฉี เจี๋ย (Mr.Qi Jie) ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งและตั้งใจสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในประเทศไทย ไม่หยุดนิ่งที่จะเติมเต็มประสบการณ์ของผู้ขับขี่ให้รถยนต์เป็น “มากกว่ารถยนต์” และส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดแก่ผู้บริโภคชาวไทย การจับมือกับ KGEN ร่วมลงทุนสร้างโรงงานในครั้งนี้ จะเน้นผลิตรถไฟฟ้าทั้งแบบแบตเตอรี่และไฮบริด

เฟสแรกมีเป้าหมายการผลิตรถ JAECOO EV จำนวน 50,000 คัน ภายในปี 2568 และเฟสต่อมามีเป้าหมายผลิตรถ OMODA EV จำนวน 80,000 คัน ภายในปี 2571 สำหรับขายในประเทศ และส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง นอกจากนี้ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้สร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพการบริการหลังการขายของทั้งสองแบรนด์ ที่พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าแบบครบวงจร ผ่านผู้จำหน่าย โอโมดา แอนด์ เจคู ทั่วประเทศทั้ง 23 แห่ง และจะขยายถึง 40 แห่งภายในปีนี้

 
ที่มา: โพลีพลัส พีอาร์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้