X

ลุย! เคล็ด (ไม่) ลับขับรถ EV ลุยฝน ลุยน้ำรอระบาย

Last updated: 24 พ.ค. 2567  |  928 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ลุย! เคล็ด (ไม่) ลับขับรถ EV ลุยฝน ลุยน้ำรอระบาย

ว้าวุ่นเลย...ฝนมาแล้ว พายุเข้าแล้ว ดีเปรสชั่นก็มา แถมดรามาก็เพียบ...555

แล้วบรรดารถ EV ทั้งหลายทั้งปวงจะไปรอดไหม?

ไอ้พวกเราก็ไม่ได้ขับเทสลา ไม่ได้ใช้คุณพี่จอมลุยอย่าง YANGWANG U8 ที่เจอน้ำเป็นวิ่งเข้าใส่ วิ่งลุยน้ำยังกะเรือกลไฟ แต่ “เราๆ” ที่ใช้รถ EV บ้านๆทั่วไปจะเอายังไงกันดี กทม. ก็มีน้ำท่วมรอระบายทั้งปีทั้งชาติ หนีไปพัทยา...พัทยาก็ท่วม ไปไหนยามนี้เจอแต่ฝนฉ่ำๆ กระหน่ำมันไม่เว้นแต่ละวัน

ยิ่งเจอพวกแชร์ภาพเก่าๆที่มีรถไฟฟ้าจอดเจ๊งคาน้ำท่วมขัง (ซึ่งรถน้ำมัน รถแก๊ส รถซูเปอร์คาร์หรือรถอีแต๋น ก็ไม่รอดเหมือนกันนั่นแหละ แต่ไม่แชร์เพราะไม่ใช่คู่กรณี...อิอิ) ใจยิ่งหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม...

ช้าก่อนบรรดาสาวกรถ EV ทั้งหลาย อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ มาทบทวนดูกันซิว่า เมื่อต้องขับรถไฟฟ้าลุยฝน เจอน้ำท่วมขัง แบตเตอรี่จะยังอยู่ดีหรือเปล่า ขับแช่น้ำกันได้นานแค่ไหน ยางล่ะเอายังไง แบตฯใกล้หมดจะจอดชาร์จกลางสายฝนได้ไหม มองยาวๆไปจนถึงหลังผ่านมหกรรมลุยน้ำลุยฝนมาแล้วต้องดูแลรถกันยังไงบ้าง...มาๆ  

รถยนต์ไฟฟ้าสามารถขับลุยน้ำท่วมขังได้ประมาณกี่นาที กี่ชั่วโมง?

ระยะเวลาที่รถยนต์ไฟฟ้าสามารถขับลุยน้ำท่วมขังได้นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น รุ่นของรถ ระดับน้ำท่วมขัง และความเร็วในการขับขี่ โดยทั่วไปแล้ว รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่สามารถขับลุยน้ำท่วมขังได้ประมาณ 30 นาที ที่ระดับน้ำไม่เกิน 30 เซนติเมตร หรือ 1 ฟุต...ก็เลยครึ่งล้อขึ้นมานั่นแหละ

อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าลุยน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบไฟฟ้า แบตเตอรี่ และมอเตอร์ไฟฟ้าได้

แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าออกแบบมาป้องกันน้ำได้มากน้อยแค่ไหน

แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าทุกคันได้รับการออกแบบมาให้กันน้ำในระดับหนึ่ง มีการซีลด้วยวัสดุกันน้ำเพื่อป้องกันน้ำซึมเข้าไปภายใน ตัวแบตเตอรี่มีระบบระบายอากาศป้องกันความร้อนและความชื้นสะสม มีระบบตัดไฟป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร และติดตั้งอยู่ในตัวถังรถที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันน้ำเข้าอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้ออกแบบมาให้กันน้ำได้ 100% การขับขี่ผ่านน้ำท่วมขังเป็นเวลานานอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายได้ และหากเกิดอุบัติเหตุอาจทำให้แบตเตอรี่รั่วไหลได้ ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าผ่านน้ำท่วมขังจะดีที่สุด

แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาให้กันน้ำได้ในระดับ IP67 ซึ่งหมายความว่าสามารถทนต่อการแช่ในน้ำลึก 1 เมตร นานถึง 30 นาที ชิวๆ

อย่างไรก็ตาม ยังมีแบตเตอรี่บางรุ่นที่ออกแบบมาให้กันน้ำได้มากกว่านั้น เช่น IP68 ซึ่งสามารถทนต่อการแช่ในน้ำลึก 2 เมตร นานถึง 30 นาที

รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นไหนบ้างที่ออกแบบแบตเตอรี่มาป้องกันน้ำเข้าได้ดี

รถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นที่ผลิตและจำหน่ายในปัจจุบัน ล้วนออกแบบแบตเตอรี่มาป้องกันน้ำเข้าโดยเฉพาะ ตัวอย่างแบรนด์และรุ่นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีระบบแบตเตอรี่กันน้ำได้ดี ได้แก่

  • Tesla Model S , Model 3 , Model X , Model Y
  • Porsche Taycan
  • Nissan LEAF
  • Chevrolet Bolt EV
  • Hyundai Kona Electric
  • Kia Niro EV
  • BYD Han EV
  • MG ZS EV
  • ORA Good Cat

ฯลฯ

ยางรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสมกับการใช้ในช่วงฤดูฝนควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง

มีดอกยางที่ลึก : ดอกยางที่ลึกช่วยรีดน้ำออกจากหน้ายางได้ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนเปียกได้ดีขึ้น

ร่องดอกยางแบบกว้าง : ร่องดอกยางแบบกว้างช่วยระบายน้ำออกจากหน้ายางได้เร็วขึ้น ลดโอกาสเกิดอาการเหินน้ำ

หน้ายางกว้าง : หน้ายางกว้างช่วยเพิ่มพื้นที่สัมผัสระหว่างยางกับถนน เพิ่มการยึดเกาะถนนเปียกลื่น

ลายดอกยางแบบทิศทางเดียว : ลายดอกยางแบบทิศทางเดียวช่วยรีดน้ำออกจากหน้ายางได้ดีกว่าลายดอกยางแบบสมมาตร

เนื้อยางนิ่ม : เนื้อยางที่นิ่มช่วยให้ยางยืดหยุ่นได้ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนบนถนนเปียก

โครงสร้างยางแข็งแรง : ทนทานต่อการใช้งานบนถนนขรุขระ

ระยะเบรกสั้น : ยางควรมีระยะเบรกสั้นบนถนนเปียก

ยางชนิด All-Season

 

ยางรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสมกับการใช้ในช่วงฤดูฝน

Michelin Primacy 4 EV : ยางประสิทธิภาพสูง เหมาะกับทุกสภาพถนน โดยเฉพาะถนนเปียก

Continental EcoContact 6 EV : ยางประหยัดพลังงาน เหมาะกับการขับขี่ในเมือง

Pirelli Cinturato P7 EV : ยางสมรรถนะสูง เหมาะกับการขับขี่ที่ต้องการความมั่นใจ

Goodyear EfficientGrip Performance 2 EV: ยางสมดุลระหว่างสมรรถนะและความประหยัด

Hankook Kinergy EV: ยางราคาประหยัด เหมาะกับการใช้งานทั่วไป

Michelin Pilot Sport 4S

Pirelli Cinturato P7

Continental ContiSportContact 5

Goodyear Eagle F1 Asymmetric 5

Goodyear Eagle F1 Supersport

Bridgestone Potenza S007

Pirelli P Zero PZ4

ฯลฯ

แต่ก็คิดดูดีๆอีกรอบ ถ้าจะเปลี่ยนยาง เพราะไม่ใช่เส้นละบาทสองบาท แต่ถ้าใช้ยางหัวโล้นอยู่ก็อย่ารอช้าเลย

 
การชาร์จไฟขณะฝนตก

ลือกสถานที่ชาร์จ : เลือกสถานที่ชาร์จที่มีหลังคาคลุมเพื่อป้องกันฝน

ตรวจสอบแท่นชาร์จ : ตรวจสอบว่าแท่นชาร์จอยู่ในสภาพดีและไม่มีน้ำขัง

เช็ดหัวชาร์จและเต้ารับให้แห้ง : เช็ดหัวชาร์จและเต้ารับให้แห้งก่อนใช้งาน

ไม่ควรชาร์จไฟขณะมีฟ้าแลบ ฟ้าผ่า : หยุดชาร์จไฟและออกจากบริเวณแท่นชาร์จหากมีฟ้าผ่า

ห้ามสัมผัสหัวชาร์จหรือเต้ารับด้วยมือที่เปียก : กระแสไฟฟ้าอาจรั่วไหลและทำให้เกิดอันตรายได้

ห้ามถอดปลั๊กชาร์จขณะมีไฟฟ้าอยู่ : อาจเกิดประกายไฟและทำให้เกิดอันตรายได้

ระวังน้ำ และความชื้น เข้าสู่ช่องชาร์จ อาจทำให้เกิดความเสียหายแก่รถยนต์ (บางคนเลยกางร่มให้ตรงช่องชาร์จมันซะเลย)

งดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ใกล้รถยนต์ที่กำลังชาร์จไฟ เพราะอาจเกิดอันตรายได้

ใช้เครื่องชาร์จที่มีความปลอดภัย ได้มาตรฐาน

ว่ากันว่า อาจจะต้องปิดโทรศัพท์มือถือด้วยเพราะอาจเป็น “สายล่อฟ้า” กลางแจ้ง

 

เคล็ด (ไม่) ลับการขับรถยนต์ไฟฟ้าขณะฝนตก มีน้ำท่วมขัง

วางแผนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง 

ก่อนออกเดินทาง หาข้อมูลกันก่อน บวกกับวางแผนการเดินดีๆ ก็คลาดแคล้วปลอดภัย 

ตรวจสอบสภาพอากาศ : ศึกษาสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง เลี่ยงการขับขี่ในช่วงที่มีฝนตกหนักหรือน้ำท่วมขัง ถ้าจำเป็นต้องเดินทางให้เลี่ยงเส้นทางที่มีน้ำท่วมขัง

ตรวจสอบสภาพรถ : ตรวจสอบสภาพยางลม แบตเตอรี่ ไฟส่องสว่าง และระบบเบรกให้พร้อมใช้งาน

วางแผนการเดินทางล่วง : ศึกษาเส้นทางหลัก และเส้นทางเลียงล่วงหน้า เผื่อเวลาในการเดินทางให้มากกว่าปกติ เผื่อไว้สำหรับสภาพการจราจรที่ชะลอตัว

คุณผู้หญิงจะแจ้งให้ครอบครัวหรือเพื่อนทราบถึงแผนการเดินทางของคุณ เผื่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน

ตรวจสอบระดับน้ำ : หลีกเลี่ยงการขับขี่ในบริเวณที่มีน้ำท่วมขังสูงเกิน 30 เซนติเมตร

ควรศึกษาหาเส้นทางที่ปลอดภัยเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงต่อน้ำท่วม

 

ระหว่างขับขี่ :

ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง : ลดความเร็ว รักษาระยะห่างจากรถคันหน้า เตรียมพร้อมสำหรับการเบรกฉุกเฉิน และหลีกเลี่ยงการเบรกกะทันหัน ควรเบรกอย่างนิ่มนวล

ใช้ไฟต่ำ : เปิดไฟต่ำเพื่อเพิ่มการมองเห็นในสภาพอากาศเลวร้าย

ปิดกระจกหน้าต่าง : กันฝนสาดเข้ารถ

หลีกเลี่ยงการลุยน้ำ : หากจำเป็นต้องลุยน้ำ ให้ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำและค่อยๆ ขับผ่านไป

ระวังอันตรายบนท้องถนน : ระวังหลุมบ่อ เศษวัสดุ และสิ่งกีดขวางอื่นๆ บนท้องถนน

สังเกตไฟเตือน : สังเกตไฟเตือนบนหน้าปัดรถ หากมีไฟเตือนใดๆ เกิดขึ้น ให้จอดรถและตรวจสอบทันที

กรณีรถยนต์ไฟฟ้าติดหล่ม : อย่าพยายามเร่งเครื่อง ปิดเครื่องยนต์ รอให้ช่างมาช่วยเหลือ

ระวังถนนลื่น โดยเฉพาะช่วงหลังฝนตกใหม่ๆ



 

เทคนิคการขับขี่ขณะลุยน้ำ ลุยฝน

ลดความเร็ว : ขับขี่ด้วยความเร็วที่ต่ำกว่าปกติ เพื่อเพิ่มระยะห่างจากรถคันหน้าและควบคุมรถได้ง่ายขึ้นบนถนนลื่น

รักษาระยะห่าง : เว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าปกติ 2 เท่า เพื่อป้องกันการชนท้ายเมื่อต้องเบรกกะทันหัน

เปิดไฟ : เปิดไฟหน้าและไฟตัดหมอก เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยและให้ผู้ใช้ถนนคนอื่นมองเห็น

หลีกเลี่ยงน้ำท่วม : หลีกเลี่ยงการขับขี่ผ่านน้ำท่วมขังที่ลึกเกินไป เพราะอาจทำให้รถเสียหายได้

ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง : เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อขับขี่บนถนนที่เปียกน้ำ เพราะถนนลื่นอาจทำให้ควบคุมรถได้ยากขึ้น

สังเกตสัญญาณเตือน : สังเกตสัญญาณเตือนบนหน้าปัดรถ หากมีสัญญาณเตือนใดๆ เกิดขึ้น ให้นำรถเข้าจอดในที่ปลอดภัยและติดต่อศูนย์บริการ

กรณีน้ำท่วมขังลึกเกิน 30 เซนติเมตร : ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่

กรณีน้ำท่วมขังที่มีกระแสน้ำไหลแรง : ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ผ่านเส้นทางดังกล่าว

กรณีน้ำท่วมขังที่มีอุณหภูมิสูง : ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่

หากไม่แน่ใจเรื่องใด ควรดูคู่มือการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า หรือติดต่อศูนย์บริการ

ถ้าไม่รีบร้อนหรือมีธุระเร่งด่วน จะเลี้ยวซ้ายเข้าปั๊ม หรือสถานที่ที่มีลานจอดรถที่ปลอดภัย รอให้ฝนหยุดค่อยเดินทางต่อก็ไม่ผิดกติกา

การดูแลรักษาหลังลุยน้ำ

ล้างรถ : ล้างรถด้วยน้ำสะอาด โดยเฉพาะบริเวณช่วงล่าง ยาง และใต้ท้องรถ เพื่อขจัดเศษโคลน เกลือ และสิ่งสกปรกอื่นๆ ที่อาจกัดกร่อนตัวถังรถ แล้วเช็ดให้แห้ง โดยเฉพาะใต้ท้องรถ

ตรวจสอบสภาพรถ : ตรวจสอบสภาพยางลม แบตเตอรี่ ไฟส่องสว่าง และระบบเบรกว่าทำงานปกติหรือไม่

ตรวจสอบระบบไฟ : ตรวจสอบระบบไฟเพื่อดูว่ามีไฟขาดหรือชำรุดหรือไม่

ตรวจสอบยางรถ : ตรวจสอบสภาพยางรถว่ามีรอยฉีกขาดหรือสึกหรอหรือไม่

ตรวจสอบสภาพรถ ว่ามีรอยรั่วหรือความเสียหายใดๆ หรือไม่

เช็ดทำความสะอาดจุดสัมผัสไฟฟ้า เช่น ปลั๊กชาร์จ

ตรวจสอบระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ (สำหรับรถบางรุ่น โดยเฉพาะรถ HEV)

เสร็จแล้วชาร์จแบตเตอรี่ให้พร้อมสำหรับการเดินทางครั้งต่อไป...

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้