X

โฆษกฯ เผย ปี 2566 ไทยยังครองอันดับ 1 ฐานการผลิตรถยนต์อาเซียน รัฐมุ่งเสริมทั้ง EV และ ICE

Last updated: 24 พ.ค. 2567  |  377 จำนวนผู้เข้าชม  | 

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

โฆษกฯ เผย ปี 2566 ไทยยังครองศูนย์กลางฐานการผลิตยานยนต์ อันดับ 1 อาเซียน อันดับ 5 เอเชีย และอันดับ 10 ของโลก รัฐบาลมุ่งยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ทั้งส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์สันดาป (ICE) ที่สะอาด ประหยัด และปลอดภัย

โฆษกรัฐบาล เปิดเผย ปี 2566 ประเทศไทยยังครองศูนย์กลางฐานการผลิตยานยนต์ อันดับ 1 อาเซียน อันดับ 5 เอเชีย และอันดับ 10 ของโลก รัฐบาลมุ่งยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ควบคู่กับผลักดันนวัตกรรมยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ก้าวสู่ศูนย์กลางการผลิตยานยนต์แห่งอนาคต

วันนี้ (24 พฤษภาคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยข้อมูลการผลิตรถยนต์ของไทยจากสถาบันยานยนต์ พบว่า ในปี 2566 ตลาดยานยนต์ของไทยมีมูลค่าคิดเป็น 18% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท และมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์ 688,531.24 ล้านบาท โดยประเทศไทยมีปริมาณการส่งออกยานยนต์ไปยัง 3 ภูมิภาคหลัก ได้แก่ เอเชีย โอเชียเนีย และตะวันออกกลาง มากกว่า 70% ของการส่งออกรวม ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นฐานการผลิตยานยนต์อันดับ 1 ของอาเซียน อันดับ 5 ของเอเชีย และ อันดับ 10 ของโลก

อุตสาหกรรมยานยนต์มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ทั้งด้านการลงทุน การจ้างงาน การสร้างมูลค่าเพิ่ม และการส่งออก รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จึงได้ดำเนินการเพื่อส่งเสริมการพัฒนาในอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ของไทยมีการเติบโตและพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีความเข้มแข็งทางด้านห่วงโซ่อุปทาน เป็นศูนย์กลางและฐานการผลิตยานยนต์ระดับโลก เพิ่มยอดการผลิตและการส่งออกยานยนต์

นอกจากนี้ รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการขับเคลื่อนการผลิตยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า โดยเน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยมลพิษ สะอาด ประหยัด และปลอดภัย ซึ่งได้มีการดำเนินการให้ครอบคลุมทุกภาคส่วนในการผลิต ส่งผลให้อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างรวดเร็ว ในปัจจุบันมีค่ายรถยนต์ จากจีนและญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนและมีแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV) ในประเทศไทยในปี 2567 หลายราย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต

“ประเทศไทยมีศักยภาพและความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางฐานการผลิตยานยนต์ในระดับโลก ทั้งการผลิตยานยนต์แบบสันดาป และยานยนต์แห่งอนาคตที่ใช้พลังงานสะอาด โดยนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ พร้อมกับดำเนินมาตรการการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ครอบคลุมตั้งแต่การผลิต การใช้งานและโครงสร้าง พื้นฐานเพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้น เพื่อขับเคลื่อนไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์แห่งอนาคต สร้างรายได้ให้จากการพัฒนานวัตกรรมการผลิตยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย” นายชัย กล่าว

ที่มา : รัฐบาลไทย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้