Last updated: 29 เม.ย 2567 | 379 จำนวนผู้เข้าชม |
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เผยด้านมืด Bentayga S เปิดตัว Black Edition ยนตรกรรมเอสยูวีใหม่ กับการใช้โลโก้เบนท์ลีย์สีดำเป็นครั้งแรก มาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ไฮบริด ขุมพลัง 456 แรงม้า และเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ พละกำลังกว่า 550 แรงม้า
(ครูว์ 9 เมษายน 2567) เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดตัว Bentayga S Black Edition ยนตรกรรมเอสยูวีสุดโดดเด่นกับการตกแต่งด้วยโลโก้เบนท์ลีย์เฉดสีดำเป็นครั้งแรกในรอบ 105 ปีทั้งยังมาพร้อมกับสีสันของชุดแต่งรอบคันที่ดูสดใส รายละเอียดสีดำดูดุดัน และเทคโนโลยีแชสซีที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ พร้อมเผยด้านมืดของยนตรกรรมแบบอเนกประสงค์รุ่นพิเศษนี้
สามารถเลือกสรรเฉดสีเฉพาะได้ถึง 7 สี อันได้แก่ เฉดสีส้ม Mandarin, สีเหลือง Signal Yellow, สีน้ำเงิน Klein Blue, สีแดง Pillar Box Red, สีเงิน Ice, สีเขียว Hyper Green และสีดำ Beluga โดยแต่ละเฉดสีได้นำเสนอการออกแบบที่สะดุดตาแต่เข้ากันได้กับการออกแบบทั้งภายในและภายนอก พร้อมทั้งมอบความคอนทราสต์ให้กับการใช้สีดำบนตัวถังรถ
การตกแต่งภายนอกเน้นการใช้รูปแบบของแถบเลเซอร์กับชุดแต่ง Styling Specification รอบคันบริเวณกันชนหน้าด้านล่างและด้านข้าง พาดผ่านด้านบนของสปอยเลอร์หลัง คาลิเปอร์เบรกได้รับการรังสรรค์ให้เข้ากันกับชุดแต่งรอบคัน พร้อมเพิ่มความโดดเด่นด้วยล้ออัลลอยด์เฉดสีดำขนาด 22 นิ้ว และการตกแต่งด้วยอุปกรณ์เฉดสีดำ-เงารอบคันตามแบบฉบับของรุ่น Bentayga S โดย รุ่น S Black Edition ถือเป็นรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ 105 ปีของเบนท์ลีย์ มอเตอร์สที่นำเอาโลโก้เบนท์ลีย์หรือ Bentley Wings และตัวอักษรคำว่าเบนท์ลีย์ในเฉดสีดำ-เงามาใช้ในการตกแต่ง พร้อมตกแต่งด้วยโลโก้ ‘Black Edition’ บริเวณเสา D ด้านหลัง
ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ตัวเลือกคุณสมบัติใหม่ได้ทำให้รุ่น Bentayga เป็นที่นิยมมากขึ้น รูปลักษณ์ภายนอก Black Edition ยังคงความสดใสด้วยตัวเลือกการตกแต่งเฉพาะบุคคลที่มาพร้อมกับเฉดสีชุดแต่งรอบคันแบบซาตินใหม่ 7 เฉดสี พร้อมด้วยเฉดสีตัวถังใหม่ และตัวเลือกล้ออัลลอยด์ขนาด 21 นิ้ว 3 แบบใหม่
นอกจากนี้ Black Edition ยังให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยเทคโนโลยีแชสซีใหม่ ระบบไฟฟ้าใหม่ และคุณสมบัติใหม่ที่เพิ่มขึ้นรวมถึงกระจังหน้าโฉมใหม่ โดยระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อที่เคยเปิดตัวในรุ่น Bentayga Extended Wheelbase ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและความคล่องตัว ขณะเดียวกันยังสามารถลดวงเลี้ยวลงได้เกือบ 1 เมตร ซึ่งได้รวมอยู่ในคุณสมบัติมาตรฐานของรุ่น Bentayga ‘Azure’ และรุ่น Bentayga 'S' V8
ทีมออกแบบ Bentayga S Black Edition ใหม่ ได้รังสรรค์รูปแบบเฉดสีภายในที่เป็นเอกลักษณ์ โดยนำเอาความแตกต่างที่สมบูรณ์แบบระหว่างหนังเฉดสีดำ Beluga และการเน้นเฉดสีที่สดใสเข้ามาไว้ด้วยกัน การเน้นเฉดสีที่โดดเด่นภายนอกตัวรถได้ถูกถ่ายทอดสู่ห้องโดยสารที่รังสรรค์ขึ้นผ่านงานฝีมือ โดยมีการเย็บและตกแต่งหนังแบบคอนทราสต์ พร้อมด้วยการปักโลโก้รูปตัว ‘S’ สีดำบริเวณเบาะโดยสาร
ลวดลายการถักทอบนวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์แบบใหม่มีการนำมาตกแต่งสำหรับแผงหน้าปัด คอนโซลกลาง และข้างห้องโดยสาร โดยลวดลายการทอช่วยเพิ่มมิติความลึกของภาพ 3 มิติให้กับแผงหน้าปัด ทำให้เกิดฉากหลังที่สมบูรณ์แบบสำหรับโลโก้ Black Edition ที่ตกแต่งไว้ใต้พื้นผิวเคลือบแล็คเกอร์เพื่อความเรียบเนียน
ชุดแต่งแบบ Dark Chrome Pack ใหม่ได้นำมาเป็นชุดแต่งแบบมาตรฐานที่จะรังสรรค์รายละเอียดของโลหะภายใน อาทิ ปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ และช่องแอร์บริเวณตรงกลางและด้านข้างให้เป็นเฉดสีดำ-เงา
ด้านระบบความบันเทิงภายในห้องโดยสาร Bentayga S Black Edition มาพร้อมตัวเลือกระบบเสียง 3 แบบที่เริ่มต้นด้วย Bentley Signature Audio และ Bang & Olufsen for Bentley ที่จะยกระดับคุณภาพเสียงขึ้นไปอีกขั้น พร้อมการตกแต่งด้วยตะแกรงลำโพงเรืองแสงที่สวยงาม และตัวเลือกระบบเสียง Naim for Bentley ที่จะมอบคุณภาพเสียงขั้นสุดยอดให้กับยนตรกรรมรุ่นนี้
Bentayga S Black Edition คือ เจ้าของขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินรุ่น V8 เทอร์โบชาร์จคู่ ขนาด 4.0 ลิตรอันโด่งดังของเบนท์ลีย์ พร้อมผสมผสานพละกำลังอันมหาศาลเข้ากับประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องยนต์รุ่นล่าสุดมอบพละกำลังกว่า 550 แรงม้าจากแรงบิด 770 นิวตันเมตร มีอัตราเร่ง 0–100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 4.5 วินาทีกับความเร็วสูงสุด 290 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง สำหรับการเดินทาง 654 กิโลเมตร Bentayga S Black Edition มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 296 กรัม ต่อ กิโลเมตรเท่านั้น
สำหรับรุ่น S Hybrid Black Edition มาพร้อมกับพละกำลัง 462 แรงม้าจากเครื่องยนต์เบนซิน TFSI V6 ขนาด 3.0 ลิตรที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 100 กิโลวัตต์ มอบอัตราเร่ง 0–100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง ภายในระยะเวลา 5.3 วินาทีด้วยความเร็วสูงสุด 254 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง
รุ่น S Black Edition ยังได้รับการพัฒนาในโหมดการขับขี่แต่ละโหมดด้วยระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อที่จะทำงานร่วมกับระบบ Bentley Dynamic Ride โดยใช้การล็อคการบังคับเลี้ยวล้อหลังสูงสุด +/- 4.8 องศา
Bentley Dynamic Ride ที่ได้รับการติดตั้งเป็นคุณสมบัติมาตรฐานถือเป็นเทคโนโลยีระบบควบคุมการเข้าโค้งแบบแอคทีฟด้วยไฟฟ้าขนาด 48 โวลต์ตัวแรกของโลก โดยระบบสามารถตอบสนองภายใน 0.3 วินาทีด้วยแรงบิดสูงสุด 1,300 นิวตันเมตรเพื่อต้านแรงหมุนด้านข้างในขณะเข้าโค้ง ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้ถึงการสัมผัสของยางบนพื้นถนน มอบเสถียรภาพภายในห้องโดยสาร ความสะดวกสบายในการขับขี่ และการควบคุมที่ยอดเยี่ยม
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลีย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยโทร. 080-925-9999 หรือ 02-261-1050 LINE Official Account: @bentleybangkokaas คลิก https://lin.ee/4JOaZyE8V