ยอดจดทะเบียนสะสมยานยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV ในไทย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 ทำ NEW HIGH ยอดพุ่ง 161,352 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 204% เฉพาะไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค. 2567) มีรถ BEV จดทะเบียนใหม่สะสม 29,714 คัน แต่ BEV ใหม่ป้ายแดง มี.ค. ชะลอตัว จดเพิ่มเพียง 7,436 คัน
- ยอดจดทะเบียนสะสมยานยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 มีทั้งสิ้น 161,352 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 203.94% ไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค. 2567) มีรถ BEV จดทะเบียนใหม่สะสม 29,714 คัน ยอดจด BEV ใหม่ป้ายแดง มี.ค. 7,436 คัน
- ยอดจดทะเบียนสะสมยานยนต์ไฟฟ้าประเภท HEV ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 มี 381,400 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 34.35 / ไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค. 2567) มีรถ HEV จดทะเบียนใหม่สะสม 38,114 คัน / มี.ค. 2567 มี HEV จดทะเบียนใหม่ 11,980 คัน
- ยอดจดทะเบียนสะสมยานยนต์ไฟฟ้าประเภท PHEV ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 มี 56,644 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 23.78 / ไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค. 2567) มีรถ PHEV จดทะเบียนใหม่สะสม 2,710 คัน / มี.ค. 2567 มีรถ PHEV จดทะเบียนใหม่ 876 คัน
- จะเห็นว่ายอดจดทะเบียน BEV ใหม่ขยับเข้าใกล้ HEV มากขึ้น แต่รถปลั๊กอินไฮบริดไม่ได้รับความนิยมนัก
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยยอดจดทะเบียนสะสมยานยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 ว่ามีทั้งสิ้น 161,352 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 203.94 แบ่งเป็นประเภทต่างๆได้ ดังนี้
รถยนต์นั่งมีทั้งสิ้น 111,841 คัน แบ่งเป็น
- รถยนต์นั่ง 110,306 คัน
- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน 1,164 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจ 59 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจร 81 คัน
- รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 231 คัน
รถยนต์ไฟฟ้า BEV ประเภทอื่นๆ
- รถกระบะและรถแวน 430 คัน
- รถยนต์ 3 ล้อ 899 คัน
- รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล 86 คัน
- รถยนต์รับจ้างสามล้อ 813 คัน
รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 45,291 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 46
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 45,157 คัน
รถจักรยานยนต์สาธารณะ 134 คัน
อื่นๆ
รถโดยสาร 2,466 คัน
รถบรรทุก 425 คัน
เดือนมกราคม – มีนาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 29,714 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – มีนาคมปีที่แล้วร้อยละ 41.15 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 22,186 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – มีนาคม 2566 ร้อยละ 70
รถยนต์นั่งจำนวน 21,574 คัน
รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 583 คัน
รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 3 คัน
รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 23 คัน
รถยนต์บริการให้เช่าจำนวน 3 คัน
รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 148 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – มีนาคม 2566 ร้อยละ 86
รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 7 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – มีนาคม 2566 ร้อยละ 22
รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล 7 คัน
รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 7,206 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – มีนาคม 2566 ร้อยละ 58
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 7,204 คัน
รถจักรยานยนต์สาธารณะ 2 คัน
รถโดยสารมีทั้งสิ้น 46 คัน ซึ่งลดลงเดือนมกราคม – มีนาคม 2566 ร้อยละ46
รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 121 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเดือนมกราคม – มีนาคม 2566 ร้อยละ 175
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนมีนาคม 2567
เดือนมีนาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่ 7,436 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคมปีที่แล้วร้อยละ 15.59 แบ่งเป็น
รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 4,983 คัน
- รถยนต์นั่งจำนวน 4,722 คัน
- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 247 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 1 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 13 คัน
- รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 21 คัน
- รถยนต์สามล้อรับจ้างมีทั้งสิ้น 3 คัน
- รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลจำนวน 3 คัน
รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 2,366 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2566 ร้อยละ 55
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 2,366 คัน
รถโดยสารมีทั้งสิ้น 7 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2566 ร้อยละ 20
รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 58 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 381,400 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 34.35 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 372,274 คัน
- รถยนต์นั่ง 371,397 คัน
- รถยนต์รับจ้าง 482 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจ 60 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจร 178 คัน
- รถยนต์บริการให้เช่า 5 คัน
- รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 152 คัน
รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2566
รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 9,123 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 30
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 9,123 คัน
อื่นๆ
รถโดยสาร 2 คัน
เดือนมกราคม – มีนาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 38,114 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – มีนาคมปีที่แล้วร้อยละ 55.97 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 38,026 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – มีนาคม 2566 ร้อยละ 78
- รถยนต์นั่งจำนวน 37,984 คัน
- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 6 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน 8 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 25 คัน
- รถยนต์บริการให้เช่าจำนวน 3 คัน
รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 88 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – มีนาคม 2566 ร้อยละ65
เป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลทั้ง 88 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนมีนาคม 2567เดือนมีนาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 11,980 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคมปีที่แล้วร้อยละ 35.70 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 11,941 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2566 ร้อยละ 22
- รถยนต์นั่ง 11,929 คัน
- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คน 2 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจ 2 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจร 5 คัน
- รถยนต์บริการให้เช่า 3 คัน
รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 39 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2566 ร้อยละ 10
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 39 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 56,644 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 23.78 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 56,644 คัน- รถยนต์นั่ง 55,713 คัน
- รถยนต์บริการธุรกิจ 41 คัน
- รถยนต์บริการทัศนาจร 23 คัน
- รถยนต์บริการให้เช่า 3 คัน
- รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 5 คัน
เดือนมกราคม – มีนาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสม จำนวน 2,710 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – มีนาคมปีที่แล้วร้อยละ 20.01 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 2,710 คัน
รถยนต์นั่ง 2,708 คัน
รถยนต์บริการทัศนาจร 2 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนมีนาคม 2567เดือนมีนาคม 2567 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 876 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคมปีที่แล้วร้อยละ 25.64 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 876 คัน
รถยนต์นั่ง 874 คัน
รถยนต์บริการทัศนาจร 2 คัน
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนมีนาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 56,099 คัน
ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 29.83 จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินจากหนี้ครัวเรือนที่สูงมากและเศรษฐกิจที่อ่อนแอ เพราะความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ทำให้การใช้จ่าย การลงทุน และการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชะลอตัวไปด้วย ซึ่งคาดว่าครึ่งปีหลังยอดขายรถยนต์จะดีขึ้นจากการใช้จ่าย การลงทุนและการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลร่วมกับการลงทุนของเอกชนและการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้นมากกว่า 33 ล้านคน
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 30,894 คัน เท่ากับร้อยละ 55.07 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 22.70
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 13,390 คัน
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 4,615 คัน
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 201 คัน
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 12,688 คัน
มกราคม – มีนาคม 2567 รถยนต์มียอดขาย 163,756 คัน ลดลงจากปี 2566 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 24.56 แยกเป็น
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 96,794 คัน
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 41,058 คัน
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 19,131 คัน
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 563 คัน
- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 36,042 คัน
อ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่
https://url.fti.or.th/l/Pb6obgaQq
ที่มา : สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)