X

มาสด้า e-Skyactiv R-EV เทคโนโลยีต่อยอดรถยนต์ไฟฟ้า 100% นำเครื่องยนต์โรตารี่ปั่นกระแสไฟ พัฒนาเป็น PHEV

Last updated: 18 มี.ค. 2567  |  761 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Mazda Iconic SP รถต้นแบบ มาสด้า e-Skyactiv R-EV

มาสด้า e-Skyactiv R-EV เทคโนโลยีแห่งอนาคต พัฒนาต่อยอดจากรถไฟฟ้า 100% นำเครื่องยนต์โรตารี่มาใช้เป็นตัวปั่นกระแสไฟ พัฒนาเป็น PHEV กลยุทธ์เดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนตามแนวทางที่หลากหลาย Multi-Solution

มาสด้าไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยมีเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน หนึ่งในวิธีที่ทรงประสิทธิภาพคือการพัฒนานวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผ่านระบบส่งกำลังของเครื่องยนต์ทุกประเภท ตั้งแต่เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) รถไฟฟ้าไฮบริด (HEV) ไปจนถึงรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (EV)

หนึ่งในกลยุทธ์ของมาสด้าคือการเดินหน้าตามแนวทาง Multi-Solution พัฒนาเครื่องยนต์ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) ด้วยการนำข้อดีของการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมาผสานกับพลังงานไฟฟ้า ให้ได้ระยะทางขับขี่ไกลขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น จนเกิดเป็นเทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV โดยพัฒนาต่อยอดจากรถไฟฟ้า 100% ด้วยการนำเอาเครื่องยนต์โรตารี่มาใช้เป็นตัวปั่นกระแสไฟ เปลี่ยนเป็นแหล่งพลังงานช่วยให้การขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าได้ระยะทางไกลมากขึ้น

หัวใจหลักสำคัญของเทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV คือพัฒนาให้เครื่องยนต์โรตารี่ เป็นตัวปั่นกระแสไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่

เครื่องยนต์จะมีขนาดเพียง 830 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ลูกสูบหมุน 1 โรเตอร์ ทำจากอลูมิเนียม น้ำหนักเบาเพียง 15 กิโลกรัม เล็กกว่าเครื่องยนต์แบบลูกสูบที่ให้กำลังใกล้เคียงกัน ส่วนแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนขนาด17.8 กิโลวัตต์นั้น วิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 85 กิโลเมตร ทำความเร็วสูงสุดที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

แต่เมื่อได้รับการปั่นพลังงานไฟฟ้ากลับเข้ามาจากเครื่องยนต์โรตารี่ จะเพิ่มระยะทางการวิ่งได้ไกลถึง 600 กิโลเมตร จากการทำงานของเครื่องยนต์โรตารี่ที่ใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน มาผสานกับการทำงานของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขยายระยะทางในการขับขี่ กลายเป็นเทคโนโลยี ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่ได้จากเครื่องยนต์โรตารี่


เทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV ที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่เป็นตัวปั่นไฟนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เกิดจากความมุ่งมั่นของมาสด้าในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ตามแนวทาง Multi-Solution เพื่อส่งมอบเทคโนโลยีที่มาพร้อมทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้คนในแต่ละสังคม

อีกหนึ่งโมเดลของมาสด้าที่ใช้เครื่องยนต์โรตารี่ในการปั่นกระแสไฟ คือรถต้นแบบที่มาสด้านำมาเผยโฉมเป็นครั้งแรกในงาน Japan Mobility Show 2023 Mazda Iconic SP สปอร์ตคอมแพ็คคาร์คอนเซ็ปต์ ที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยใหม่และตอบโจทย์ลูกค้าที่ “รักในรถยนต์” และ “ปรารถนาที่จะครอบครองรถยนต์ที่สามารถถ่ายทอดความสุขในการขับขี่”

คอนเส็ปท์คาร์รุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์โรตารี แบบ 2 โรเตอร์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า (Two-rotor Rotary EV System) เอกลักษณ์เฉพาะมาสด้าที่ยังคงมีขนาดกะทัดรัด มีความยืดหยุ่นสูงในเรื่องการจัดวางพื้นที่ของห้องเครื่องยนต์ ช่วยให้รถต้นแบบคันนี้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำและให้สมรรถนะการขับขี่ดีขึ้น โดยแบตเตอร์รี่จะถูกชาร์จด้วยพลังงานแบบย้อนกลับและจากเครื่องยนต์โรตารีแบบ 2 โรเตอร์ ที่ใช้ในการผลิตพลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์

อีกหนึ่งคอนเส็ปท์คาร์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับชาวมาสด้าด้วยการคว้ารางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมประจำปีจากประเทศอิตาลี คือ RX-VISION SKYACTIV-R เครื่องยนต์โรตารีเจนเนอเรชั่นใหม่ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์แห่งอนาคตของมาสด้า เป็นเครื่องยนต์สามเหลี่ยมลูกสูบหมุน แบบ 2 โรเตอร์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า (Two-rotor Rotary EV System) โดยเครื่องยนต์โรตารี่จะทำหน้าที่เป็นตัวปั่นกระแสไฟและส่งพลังงานกลับคืนสู่แบตเตอรี่เช่นเดียวกับ e-Skyactiv R-EV เครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่นี้สามารถใช้พลังงานเชื้อเพลิงได้หลากหลายประเภท รวมถึงพลังงานไฮโดรเจน

การนำเทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV มาใช้ในเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุดนี้ เป็นการคืนชีพตำนานเครื่องยนต์โรตารี่ ต้นกำเนิดรถสปอร์ตมาสด้าหลากหลายรุ่นในอดีต ที่ถูกถ่ายทอดมาจนถึงปัจจุบันกลายเป็นดีเอ็นเอของมาสด้าที่ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค หรือ Challenger Spirit

 

ที่มา: มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้