Last updated: 10 ก.พ. 2567 | 458 จำนวนผู้เข้าชม |
เคพีเอ็มจี เปิดผลสำรวจผู้บริหารธุรกิจยานยนต์กว่า 1,000 ราย จาก 30 ประเทศทั่วโลก พบว่ายานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆมีแนวโน้มเข้าสู่ตลาดมากขึ้น คาดยอดขายยานยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 30%-36% ในปี 2573
จากรายงาน Annual Global Automotive Executive Survey ครั้งที่ 24 ของเคพีเอ็มจี พบประเด็นสำคัญ ดังนี้
ผลสำรวจ Global Automotive Executive Survey ครั้งที่ 24 ของเคพีเอ็มจี เป็นการสำรวจผู้บริหารในธุรกิจยานยนต์กว่า 1,000 ราย จาก 30 ประเทศทั่วโลก พบว่าผู้บริหารมีความเชื่อมั่นที่ลดลงว่าธุรกิจยานยนต์จะสามารถสร้างผลกำไรให้เติบโตได้มากขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากความกังวลในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง และต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยมีผู้บริหารเพียงร้อยละ 34 ที่ยังคงเชื่อมั่นในการเติบโตของผลกำไร น้อยลงกว่าปีที่ผ่านมาที่มีความเชื่อมั่นร้อยละ 41 โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นที่เชื่อมั่นเพียงร้อยละ 10 จากปีที่ผ่านมาที่เชื่อมั่นถึงร้อยละ 32
ขณะที่ประเทศแถบยุโรปตะวันตกก็มีความเชื่อมั่นลดลงจากร้อยละ 31 เหลือเพียงร้อยละ 24 สอดคล้องกับในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ลดลงจากร้อยละ 48 เป็นร้อยละ 43 โดยมีเพียงประเทศจีนเท่านั้นที่ผู้บริหารมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขยับจากร้อยละ 28 เป็นร้อยละ 36 ในขณะเดียวกันกลุ่มซัพพลายเออร์กลับมีความเชื่อมั่นลดลง จากร้อยละ 55 เหลือเพียงร้อยละ 23 เท่านั้น
มุมมองผู้บริหารต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า
ผู้บริหารต่างคาดการณ์ว่าแนวโน้มการเข้าสู่ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มมากขึ้น โดยเคพีเอ็มจีได้สำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารธุรกิจยานยนต์ในปีที่ผ่านมาถึงแนวโน้มการเข้าสู่ตลาดของยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งได้รับผลสำรวจค่อนข้างแตกต่างกัน แตกต่างจากปีนี้ที่ผลสำรวจออกมาในทิศทางเดียวกัน โดยผู้บริหารเชื่อว่ายานยนต์ไฟฟ้าจะสามารถเข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น
ผลสำรวจในยุโรปตะวันตกปีที่ผ่านมาคาดการณ์ว่าปี 2573 ยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่จะมีสัดส่วนร้อยละ 24 ของยอดขายทั่วโลก โดยในปีนี้ได้เพิ่มขึ้นมาเป็นร้อยละ 30 สอดคล้องกับประเทศสหรัฐอเมริกาที่ปรับเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 29 เป็นร้อยละ 33 ขณะที่ในประเทศจีนการประมาณการเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 24 เป็นร้อยละ 36
แม้ว่าจะมีค่ายรถยนต์แบรนด์ดังทยอยนำยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่จาก Global Automotive Executive Survey ของเคพีเอ็มจี พบว่า แบรนด์ Tesla จะยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดได้ต่อไป เนื่องจากการเปิดโรงงาน Tesla Gigafactory แห่งใหม่ใกล้กรุงเบอร์ลินในเดือนมีนาคม ปี 2565 ซึ่งทำให้ได้รับส่วนแบ่งการตลาด และสร้างการรับรู้ในยุโรปได้มากยิ่งขึ้น
“ปีที่แล้วเราเคยกล่าวไว้ว่าผู้บริหารธุรกิจยานยนต์ต่างรู้ว่าอนาคตคือสิ่งที่ต้องรีบคว้าไว้ โดยผู้บริหารกว่า 1,000 คนจาก 30 ประเทศเห็นตรงกันว่ายานยนต์ไฟฟ้าเป็นโอกาสครั้งใหญ่ แต่ ณ ปัจจุบัน หลายๆ คนมีความระมัดระวังมากขึ้น ด้วยเพราะต้องใช้เงินลงทุนกว่าห้าแสนล้านดอลลาร์ในการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีสู่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งยังคงมีความไม่แน่นอนในระยะเวลาที่ผู้ประกอบการจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ขณะนี้ได้มีผู้ผลิตยานยนต์หลายรายสูญเสียเงินไปกับการเข้าสู่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการสั่นคลอนในกลุ่มผู้ผลิตและซัพพลายเออร์”
แบบสำรวจของเคพีเอ็มจีในปี 2024 นี้ จะเจาะลึกถึงรายละเอียดมุมมองของผู้บริหารในธุรกิจยานยนต์ ตลอดทั้งประเด็นข้อกังวลและความท้าทายต่างๆ ที่ต้องมีความระวังมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าประสบความสำเร็จในการดำเนินการ ผู้บริหารควรคิดค้นกลยุทธ์ใหม่ๆ มีการกำหนดแนวทางรับมือกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสภาวะวิกฤตค่าครองชีพ เงินสนับสนุนจากภาครัฐที่อาจน้อยลง ตลอดทั้งการออกแบบวิธีที่ธุรกิจจะสามารถนำมาบูรณาการเพื่อสร้างระบบปฏิบัติการที่ช่วยสร้างประสิทธิภาพให้กับธุรกิจได้ดีมากยิ่งขึ้น
“เชื่อว่าธุรกิจยานยนต์จะสดใสมากขึ้นในอนาคต เราจะมีผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าที่ยอดเยี่ยม ที่ทำให้ผู้คนมีความสุขและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลกของเราได้อย่างแท้จริง แต่การจะไปถึงจุดนั้นจำเป็นต้องเอาชนะความท้าทายในระยะสั้นนี้ให้ได้ก่อน”
แกรี่ ซิลเบิร์ก หัวหน้าฝ่ายยานยนต์ระดับโลก เคพีเอ็มจี ได้วิเคราะห์กลยุทธ์ตลาดยานยนต์เอาได้อย่างน่าสนใจดังนี้
จากการเผชิญกับความท้าทาย และโอกาสอย่างมากมาย ผู้บริหารยานยนต์ควรเร่งปรับกลยุทธ์ และเริ่มดำเนินการทันที ผลสำรวจจากเคพีเอ็มจีได้ระบุแนวทาง 4 ประการที่มีความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ในการยกระดับธุรกิจยานยนต์ ดังนี้
อย่างไรก็ตามบริษัทยานยนต์ทั่วโลกก็ไม่ควรมองข้ามตลาดในภูมิภาคเหล่านี้ เนื่องจากมีการเติบโตของจำนวนประชากรอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยานยนต์ควรมี กลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นต่อการรับมือต่อสถานการณ์ที่เกิดจากภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจโลกที่ยังคงส่งผลกระทบต่อระบบห่วงโซ่อุปทานในตลาดยานยนต์
ธิดารัตน์ ฉิมหลวง หัวหน้าฝ่ายอุตสาหกรรมการผลิต เคพีเอ็มจีประเทศไทย กล่าวว่า “อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับความท้าทายและโอกาสในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยี AI ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ผลิตยานยนต์จะต้องทบทวนกลยุทธ์อย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง เพราะในสถานการณ์โลกปัจจุบัน การปรับธุรกิจให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าที่มีแตกต่างในมิติต่างๆ เช่น ลูกค้าในแต่ละภูมิภาค รวมถึงความสามารถในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ถือเป็นกุญแจสำคัญที่สร้างให้องค์กรก้าวสู่ความสำเร็จ”
เจริญ ผู้สัมฤทธิ์เลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคพีเอ็มจี ประเทศไทย เมียนมาร์ และลาว กล่าวว่า “แม้ว่าความเชื่อมั่นต่อการเติบโตในการสร้างผลกำไรของธุรกิจยานยนต์ในอีกห้าปีข้างหน้าของผู้บริหารธุรกิจยานยนต์ทั่วโลกจะลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (ร้อยละ 34 เทียบกับร้อยละ 41 ในปีก่อน) แต่ประมาณการเฉลี่ยสำหรับการเข้าสู่ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าได้เพิ่มมากขึ้น นั่นแสดงให้เห็นถึงโอกาสของผู้ประกอบการที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ผู้บริหารจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมต่อการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจที่สำคัญ ได้แก่ ด้านเทคโนโลยี จะเห็นได้ว่าผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับยานพาหนะที่ใช้ซอฟต์แวร์เป็นตัวกำหนด อีกทั้ง การพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะด้าน AI และเทคโนโลยีขั้นสูง ที่เคพีเอ็มจีมีทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์กว้างขวางในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่พร้อมทุ่มเทเพื่อสนับสนุนลูกค้าทุกท่านให้สามารถปรับตัวเข้ากับสภาวะธุรกิจในปัจจุบันและพร้อมเติบโตต่อไปได้ในอนาคต”
ที่มา : KPMG in Thailand