Last updated: 8 พ.ย. 2566 | 1441 จำนวนผู้เข้าชม |
ธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ากำลังอยู่ในความสนใจของนักลงทุนและเจ้าของกิจการที่มีทำเล ทั้งในส่วนที่เป็นศูนย์การค้า ร้านสะดวกซื้อ โรงแรม คอนโดมิเนียม จุดพักรถ หรือแม้กระทั่งพื้นที่ว่างในชุมชนที่รอการพัฒนา ฯลฯ ทำให้มีผู้นำเสนอธุรกิจสถานีชาร์จออกสู่ตลาดยานยนต์ไฟฟ้ากันเป็นจำนวนมาก จนเกิดความสับสน เลือกไม่ถูกว่าควรจะเริ่มต้นลงทุนอย่างไร ควรลงทุนเท่าไหร่จึงจะมีความเหมาะสม และมีโอกาสคืนทุน หรือมีกำไรคุ้มค่าแค่ไหน?
ปัจจุบันสารพัดข้อสงสัยต่าง ๆ นานา กำลังได้รับการคลี่คลายโดยการไฟฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ที่ได้มีการสร้างสรรค์บริการรูปแบบใหม่ EGAT EV Business Solutions “EGAT EV” ขึ้นมาเพื่อให้บริการออกแบบและติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร (one-stop service) ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยจาก กฟผ. โดยเป็นการเสนอแพ็คเกจสำหรับผู้สนใจลงทุนครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย 3 แพ็คเกจ ดังนี้
แพ็คเกจไซส์ S หมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก คอนโด ร้านอาหาร คาเฟ่ โรงแรม ราคาเริ่มต้น 209,000 บาท
แพ็คเกจไซส์ M เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลาง โรงพยาบาล คอมมูนิตี้มอลล์ ราคาเริ่มต้น 449,000 บาท
แพ็คเกจไซส์ L สำหรับธุรกิจขนาดกลาง-ใหญ่ ไลฟ์สไตล์มอลล์ ปั๊มน้ำมัน ราคาเริ่มต้น 1,239,000 บาท
ส่วนลูกค้าแต่ละรายควรจะเลือกลงทุนในแพ็คเกจไซส์ไหน คุณณิศรา ธัมมะปาละ วิศวกรระดับ 11 สังกัดรองผู้ว่าการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อธิบายว่า EGAT EV เป็นการให้บริการแบบวันสต็อปเซอร์วิสสำหรับผู้ต้องการเป็นเจ้าของสถานีชาร์จ อาจจะมีธุรกิจเดิมอย่างร้านอาหาร ร้านกาแฟ โรงพยาบาล ร้านสะดวกซื้อ หรือโรงแรม แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะลงทุนอย่างไร สามารถเข้ามาปรึกษากับทีมงานของการไฟฟ้าได้
โดยรูปแบบการลงทุนขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่จะเข้ามาใช้พื้นที่ หรือเข้ามาจอดรถใช้เวลานานแค่ไหน หากประเมินว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ก็แนะนำให้เลือกไซส์ S ดีกว่าลงทุนตู้ชาร์จขนาดไซส์ L ที่ใช้เวลาชาร์จแค่ครึ่งชั่วโมง เพราะเจ้าของรถอาจจะไม่สะดวกในการย้ายที่จอดรถ
การให้คำปรึกษาจะแนะนำตามความศักยภาพของทำเล ไม่ได้เน้นให้ลงทุนในแพ็คเกจราคาสูงๆ แต่เป็นการออกแบบธุรกิจให้มีการลงทุนที่เหมาะสมกับพื้นที่หรือทำเลนั้นๆ อย่างเช่นผู้ลงทุนต้องการลงเครื่อง DC Charger ขนาด 150 กิโลวัตต์ ซึ่งเป็นแพ็คเกจไซส์ L ต้องลงทุนล้านกว่าบาท แต่ธุรกิจเป็นโรงแรม หรือร้านอาหาร ที่ผู้ใช้บริการใช้เวลาในสถานที่นั้นๆ 2-3 ชั่วโมง ก็จะแนะนำให้ลงเครื่องชาร์จ AC ขนาด 22 กิโลวัตต์ จำนวนหลายเครื่องเพื่อรองรับลูกค้าได้มากขึ้น
คุณณิศรา ธัมมะปาละ วิศวกรระดับ 11 สังกัดรองผู้ว่าการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
“เราออกแบบมา 3 แพ็คเกจ เพื่อให้มีรูปแบบเหมาะสมให้ลูกค้าเลือก ให้ง่ายต่อการตัดสินใจ เมื่อตัดสินใจเลือกแล้วก็จะมาพิจารณาเพิ่มเติมว่าเหมาะสมกับพื้นที่มากน้อยแค่ไหน จากนั้นจะมีบริการเข้าไปสำรวจพื้นที่ อย่างในแพ็คเกจ S ราคา 209,000 บาท จะมีแท่นชาร์จให้ 2 แท่น มีเครื่องชาร์จขนาด 22 กิโลวัตต์ 2 เครื่อง มีตู้ไฟ มีการเดินสายไฟในระยะที่อยู่ในราคาแพ็คเกจกำหนด สมมติพื้นที่มีตู้ไฟอยู่ไกล ต้องเดินสายไฟเพิ่มเติม เราก็ประเมินราคาตามระยะทางที่เพิ่มขึ้น”
“ถ้าเป็นแพ็คเกจ M ราคา 449,000 บาท เป็นเครื่อง DC Charger ขนาด 30-60 กิโลวัตต์นั้น จะชาร์จได้เร็วขึ้น ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ลูกค้าเข้าไปใช้เวลาไม่นานนัก แพ็คเกจ L เป็นเครื่อง DC Charger ขนาด 100-150 กิโลวัตต์ ราคา 1,239,000 บาท ใช้เวลาชาร์จเพียง 35-45 นาที เหมาะสำหรับติดตั้งตามปั๊มน้ำมัน ที่ลูกค้ารีบเดินทางต่อ ต้องการชาร์จเร็ว”
คุณณิศรา กล่าวต่อไปว่า เมื่อเลือกแพ็กเกจได้แล้ว กฟผ.จะเป็นผู้ออกแบบระบบไฟฟ้าให้ มีการส่งทีมงานไปประเมินสำรวจความพร้อมของพื้นที่ ถ้าระบบไฟฟ้าไม่พร้อมเราก็ดูแลให้ เมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อยจะมีระบบบริหารจัดการให้ในรูปแบบแพล็ตฟอร์ม มีแอปพลิเคชั่นให้บริการลูกค้า และมีระบบ customer service ให้บริการ 24 ชั่วโมง ทั้งนี้เราจะมีการเซ็ตอัพระบบทุกอย่างให้พร้อมบริการก่อนส่งมอบ ลูกค้าเพียงแค่ลงทุน ไม่ต้องทำอะไรก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้
จุดเด่นของ EGAT EV คือสถานีชาร์จที่มีการออกแบบให้เหมาะสมกับพื้นที่และงบประมาณในการลงทุน เครื่องชาร์จที่ติดตั้งทุกตัวได้มาตรฐานความปลอดภัย ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี เป็นเครื่องชาร์จคุณภาพ รับประกัน 2 ปี เครื่อง AC Charger เป็น Wallbox รุ่น PULSAR MAX ขนาด 22 kW (3 เฟส) เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ โดย บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด (INNOPOWER) ส่วนเครื่อง DC Charger เป็นเครื่องที่นำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศมาประกอบในประเทศไทยโดย บริษัท อีแกท ไดมอนด์ เซอร์วิส จำกัด (EDS) ดังนั้นจึงมั่นใจได้ทั้งในเรื่องคุณภาพและการให้บริการระยะยาว
“ที่ผ่านมา กฟผ.ได้มีการลงทุนเปิดสถานีชาร์จ และลงทุนร่วมกับพาร์ทเนอร์ เป็นสถานี EleX by EGAT จำนวน 150 สถานี โดยในส่วนของพาร์ทเนอร์จะใช้บริการ BackEN EV ดังนั้นกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการสถานี EGAT EV เวลาใช้แอปพลิเคชั่นจะได้เห็นจุดชาร์จของสถานีที่ใช้บริการ BackEN EV ด้วย เพราะเป็นเครือข่ายพันธมิตรกัน และจะส่งผลดีต่อผู้ใช้รถ EV จะได้ใช้แอปฯที่มีจุดให้บริการชาร์จครอบคลุมทั่วประเทศ
“บริการที่เราออกแบบมานำเสนอครั้งนี้เป็นการนำเอาประสบการณ์ทั้งหมดมาดีไซน์ให้ลูกค้าเป็นเจ้าของธุรกิจสถานีชาร์จได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก” คุณณิศรา กล่าวในตอนท้าย