X

บีโอไอรุกโรดโชว์ออสเตรเลียดึงเงินลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าและอุตฯเป้าหมาย ตั้งเป้าส่งออก EV เจาะตลาดในอนาคต

Last updated: 12 ส.ค. 2566  |  408 จำนวนผู้เข้าชม  | 

บีโอไอรุกโรดโชว์ออสเตรเลียดึงเงินลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าและอุตฯเป้าหมาย

บีโอไอรุกโรดโชว์ออสเตรเลีย ชูโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า เครื่องมือแพทย์ และอาหารแปรรูป รวมทั้งพบหน่วยงานพันธมิตร มุ่งยกระดับความสัมพันธ์ด้านการลงทุนระหว่างไทย - ออสเตรเลีย ตอบรับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลออสเตรเลียที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น เพื่อแสวงหาฐานการลงทุนใหม่ และลดความเสี่ยงจากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ มั่นใจจะเป็นตลาดสำคัญสำหรับการส่งออกรถยนต์ EV ในอนาคต

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา บีโอไอได้จัดคณะผู้บริหารเดินทางเยือนกรุงแคนเบอร์รา และนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย โดยได้เข้าพบกับหน่วยงานด้านการค้าและการลงทุน เช่น กระทรวงการต่างประเทศและการค้า กระทรวงการคลัง สำนักงานพาณิชย์และการลงทุนออสเตรเลีย (Austrade) สำนักงานการลงทุนแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ (Investment NSW) หอการค้าและอุตสาหกรรมออสเตรเลีย (ACCI) เพื่อหารือความร่วมมือในการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมาตรการที่ประสบความสำเร็จต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มปริมาณการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศ



นอกจากนี้ คณะยังได้พบกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น กิจการผลิตรถบัสและรถบรรทุกไฟฟ้า กิจการผลิตเครื่องมือแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง กิจการผลิตแป้งข้าวสาลีและแปรรูปอาหารรายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย กิจการ Data Center รายใหญ่ ที่มีแผนเข้ามาลงทุนเพื่อใช้ไทยเป็นดิจิทัลฮับในภูมิภาค รวมทั้งได้หารือความร่วมมือกับผู้บริหารศูนย์นวัตกรรม Canberra Innovation Network ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนสตาร์ตอัพที่ใหญ่ที่สุด และศูนย์เทคโนโลยี Tech Central นครซิดนีย์ ซึ่งเป็นศูนย์บ่มเพาะสตาร์ตอัพ ด้านเทคโนโลยีอันดับหนึ่งของออสเตรเลีย

“รัฐบาลใหม่ของออสเตรเลียให้ความสำคัญกับภูมิภาคอาเซียนอย่างมาก เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดหลัก และลดผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งของขั้วมหาอำนาจ โดยได้แต่งตั้งผู้แทนพิเศษสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีประสบการณ์สูงในภาคธุรกิจ และอยู่ระหว่างจัดทำแผนยุทธศาสตร์การสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึงปี 2040



ประกอบกับข้อจำกัดทางธุรกิจในออสเตรเลีย ทั้งการขาดแคลนบุคลากร ค่าแรงที่สูงขึ้นมาก และตลาดในประเทศที่จำกัด ทำให้ภาคเอกชนจำเป็นต้องมองหาแหล่งลงทุนใหม่ จึงเป็นจังหวะเวลาที่สำคัญของประเทศไทยที่ต้องใช้โอกาสนี้ ยกระดับความร่วมมือด้านการลงทุน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เป็นจุดแข็งของออสเตรเลีย เช่น อุตสาหกรรมแร่ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับการผลิตแบตเตอรี่และเซมิคอนดัคเตอร์ ธุรกิจการศึกษาซึ่งออสเตรเลียมีมหาวิทยาลัยและสถาบันอาชีวศึกษาชั้นนำจำนวนมาก อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เครื่องมือแพทย์ ระบบอัตโนมัติ ดิจิทัล รวมทั้งธุรกิจด้าน BCG” นายนฤตม์ กล่าว

ทั้งนี้ ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย โดยเป็นคู่ค้าอันดับ 5 ของไทย และเป็นคู่ค้ารายใหญ่ประเทศเดียวที่ยังสามารถรักษาการเติบโตของมูลค่าการค้าทั้งนำเข้าและส่งออกเป็นบวกในวิกฤติเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นตลาดส่งออกรถยนต์อันดับ 1 ของไทย มีสัดส่วนกว่าร้อยละ 20 ของมูลค่าส่งออกรถยนต์ทั้งหมด ซึ่งจะเป็นตลาดสำคัญสำหรับรถยนต์ EV ในอนาคต



นอกจากนี้ ยังเป็นประเทศที่มีแร่ Rare Earth จำนวนมาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญของอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น แบตเตอรี่ และเซมิคอนดัคเตอร์ เป็นต้น โดยรัฐบาลออสเตรเลียได้กำหนดยุทธศาสตร์ Critical Minerals Strategy 2023 – 2030 อีกด้วย

สำหรับการลงทุน ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในนักลงทุนรายสำคัญในประเทศไทย ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2556 ถึงมิถุนายน 2566) มีโครงการจากออสเตรเลียยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 203 โครงการ เงินลงทุนรวมกันกว่า 54,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ ดิจิทัล และเคมีภัณฑ์

 

ที่มา : BOI

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้